วันนี้ (9 กุมภาพันธ์) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ให้การต้อนรับแรงงานไทยทั้ง 5 คน ประกอบด้วย วัชระ ศรีอ้วน, พงษ์ศักดิ์ แทนนา, เสถียร สุวรรณคำ, สุระศักดิ์ ลำเนา และ บรรณวัชร แซ่ท้าว ซึ่งถูกกลุ่มฮามาสปล่อยตัวเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา กลับสู่แผ่นดินไทย
มาริษกล่าวตอนหนึ่งว่า ภาพที่เห็นเป็นภาพสุดๆ สำหรับคนคนหนึ่งที่กลับสู่อ้อมอกครอบครัวตัวประกัน โดยครอบครัวพูดกับตนเองว่า ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสวันนี้ โดยขอยืนยันว่า ตนเอง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และนายกรัฐมนตรี ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยคิดว่าหมดหวัง และสิ่งที่คิดที่หวังร่วมกันก็ปรากฏผลในวันนี้แล้ว วันนี้ถือเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติของครอบครัว เป็นกำลังใจสำคัญกับข้าราชการทุกหน่วยงาน และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ไปกับตนเองในวันแรก ได้ทราบข่าวตั้งแต่วันแรกที่ 5 คนไทยอยู่ในมือของรัฐบาลอิสราเอลแล้ว
สำหรับตนเองและทุกคน ครอบครัวสำคัญที่สุด ขอยืนยันว่า รัฐบาลและหน่วยงานตั้งใจดูแลพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ทำงานเพื่อครอบครัวและประเทศล้วนมีความสำคัญ ตนเองไม่เคยหยุดคิดถึงความอยู่ดีกินดีของทุกคน รวมถึงพี่น้องคนไทยในต่างประเทศอยากให้ได้อยู่ดีกินดีอย่างมีความสุข และนี่คือแรงบันดาลใจให้ตนเองและทุกหน่วยงานทำงานต่อไป
ขณะที่ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการรับ 5 ตัวประกันไทย จากอิสราเอลว่า วันนี้คนไทยทั้งประเทศดีใจมากที่สุด ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศประสานกับทุกประเทศให้ช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่วมแรงกันจนประสบความสำเร็จเป็นโชคดีของประเทศไทย โดยแรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไปอยู่ 3 ปี ถูกจับไป 15 เดือน
ทั้งนี้ ประเทศไทยและอิสราเอลประสานกันมอบความช่วยเหลือให้กับตัวประกันส่วนหนึ่ง แต่อาจจะไม่คุ้มค่า เบื้องต้นจะมอบเงินก้อนแรกให้ 600,000 บาท จากนั้นจะมอบให้คนละ 30,000 บาทต่อเดือนจนกระทั่งอายุ 80 ปี ซึ่งตัวประกันทั้งหมดยืนยันกับตนเองว่าจะไม่เดินทางไปอิสราเอลแล้ว แต่หากเดินทางกลับไปจะขอตัดสิทธิประโยชน์ทั้งหมด
บุญสงค์กล่าวอีกว่า หลังจากตัวประกันทั้งหมดพักผ่อนได้ระยะหนึ่งแล้ว กระทรวงแรงงานจะประสานว่าอยากประกอบอาชีพอะไร เราจะจัดอาชีพนั้นให้เขา โดยตัวประกันกลุ่มนี้มีความรู้เรื่องเกษตรกรรม ซึ่งสภาพร่างกายและจิตใจถือว่าสมบูรณ์แข็งแรง ส่วนตัวประกันที่เหลืออีก 1 คน ทราบว่าเป็นเพศชาย ระบุชื่อได้แล้ว จะใช้วิธีการประสานแบบเดิมเหมือนกับตัวประกันกลุ่มนี้ ซึ่งยังไม่ขอพูดรายละเอียด เนื่องจากเป็นภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศ