×

เปิด ‘5 ปัจจัย’ กระทบราคาทองคำปี 2565 พบนโยบายการเงินสหรัฐฯ กดดัน ขณะที่ดีมานด์ถือครองทองคำจริงจากจีนและอินเดียหนุน

20.12.2021
  • LOADING...
Gold

YLG เปิดมุมมองต่อแนวโน้มราคาทองคำปี 2565 มีลุ้นแตะ 29,800 ต่อบาททองคำ ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวมองบวก/ลบ ในกรอบ 3,000 บาท โดย 5 ปัจจัยส่งผลต่อราคาทองคำปี 2565 ประกอบด้วย นโยบาย Fed การเข้าซื้อทองคำของกองทุน SPDR และธนาคารกลางต่างๆ ดีมานด์จีน-อินเดียต้องการทองคำกายภาพกลับมา นักลงทุนยังต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเทคโนโลยีหนุนคนเข้าถึงทองด้วยต้นทุนต่ำลง ดึงดูดคนรุ่นใหม่ลงทุนทองมากขึ้น โดยตัวเลขปี 2564 ระบุว่าพอร์ตออมทองโต 170% สะท้อนความต้องการทองคำของคนรุ่นใหม่ที่ยังสูง 

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลอดทั้งปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่ราคาทองคำจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา โดยราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบบวกลบ 3,000 บาทจากปี 2564 หรือมีโอกาสที่ราคาทองคำในประเทศไทยจะปรับขึ้นไปสูงสุดประมาณ 29,800 บาทในปี 2565  

 

โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อราคาทองคำปี 2565 มี 5 ปัจจัยดังนี้

 

  1. นโยบายของของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยในปี 2565 มาตรการที่ต้องจับตาคือการเร่งลดการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ Fed ได้ส่งสัญญาณในการลดวงเงินการทำ QE เพื่อเปิดทางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามการปรับลดการทำ QE ของ Fed นั้นเม็ดเงินจะไม่ได้หายไปในทันที แต่จะค่อยๆ ลดลง ทำให้ยังไม่กระทบทองคำในช่วงครึ่งปีแรก แต่อาจจะกระทบราคาทองคำในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามมองว่าประเด็นเรื่องเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงยังถือเป็นประเด็นที่สนับสนุนทองคำและน่าจับตามอง เพราะอยู่ในอัตราที่สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

 

  1. การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางและกองทุน SPDR ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ธนาคารประเทศต่างๆ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าซื้อทองคำแท่งเพื่อใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกองทุนทอง SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ได้กลับมาซื้อทองคำ หลังจากที่ทำการขายมาตลอดทั้งปี แต่เริ่มกลับเข้าซื้อเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดทองคำ

 

  1. ความต้องการทองคำกายภาพเริ่มกลับมา ความต้องการทองคำกายภาพในจีนและอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลกเริ่มฟื้นตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากจีนและอินเดียมีความนิยมทองคำที่ส่งต่อกันมา รวมถึงเป็นสิ่งจำเป็นในพิธีสำคัญต่างๆ เช่นพิธีแต่งงาน

 

  1. ทองคำยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าปัจจุบันจะมีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมาและเป็นที่นิยมของนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตามการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด แต่ไม่ว่าจะมีการกระจายการลงทุนไปยังทรัพย์สินรูปแบบใด พอร์ตการลงทุนที่ดียังต้องมีการลงทุนในทองคำ 5-15% ของพอร์ตลงทุน ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

  1. เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยหนุนให้คนซื้อทองคำได้ในเงินลงทุนน้อยลง ปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยให้ผู้ซื้อหรือนักลงทุนสามารถซื้อทองคำผ่านรูปแบบออนไลน์ และสามารถซื้อทองคำเริ่มต้นด้วยเงินเพียง 100 บาท ในรูปแบบของการออมทอง ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้ไม่มีความแตกต่างจากการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ เพราะสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน ทำให้ลดช่องว่างของผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนมีเงินทุนจำนวนมากเท่านั้น

 

ทั้งนี้ในปี 2564 ที่ผ่านมา YLG พบว่า นักลงทุนได้เปิดบัญชีออมทองกับ YLG เพิ่มขึ้นถึง 170% โดยกลุ่มที่มาลงทุนมีทั้งวัยทำงานและนักลงทุนรุ่นใหม่ จึงสะท้อนว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะยังมีความนิยมการลงทุนทางออนไลน์ เพราะเข้าถึงได้สะดวกผ่านสมาร์ทโฟนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบัน อีกทั้งสามารถเริ่มออมได้เพียงเงินลงทุน 100 บาท ซึ่งถือเป็น Ticket Size ที่ต่ำ เปิดโอกาสให้นักลงทุนหลากหลายสามารถเข้าลงทุนในทองคำได้ 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X