เพราะดนตรีเชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะต่างชนชั้น ภูมิหลัง ต่างชาติ ต่างภาษา แต่ก็ยังสื่อสารกันได้ผ่านดนตรี ทำให้อุตสาหกรรมดนตรีทำรายได้มากมายมหาศาลต่อปี แค่เฉพาะในปี 2020 อุตสาหกรรมดนตรีเติบโตขึ้นถึง 7.4% ทำรายได้สูงถึง 6.72 ล้านบาท อีกทั้งดนตรียังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไปพร้อมๆ กับปลูกต้นรักในใจแฟนเพลงที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ทำให้ของที่ระลึกจากดนตรีกลายเป็นของสะสมที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะดนตรีแนวป๊อปและร็อกที่แทรกซึมอยู่ในแทบทุกจังหวะชีวิตของผู้คน
ของที่ระลึกจากดนตรีป๊อปและร็อกมีหมวดหมู่ที่กว้างขวางมาก เป็นไปได้ตั้งแต่อัลบั้มวินเทจ โปสเตอร์คอนเสิร์ต เสื้อยืดวงดนตรี รูปถ่ายพร้อมลายเซ็น เครื่องดนตรี เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ ฯลฯ ส่วนมูลค่าก็ขึ้นอยู่กับสภาพ เช่น ลายเซ็นก็ควรไม่ซีดจางถ้าอยู่บนวัสดุที่เป็นกระดาษ เช่น ใบปลิวหรือโปสเตอร์ ก็จะมีค่าต่อเมื่ออยู่สภาพเหมือนใหม่ ส่วนเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือเครื่องดนตรีก็เช่นกัน ควรอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ เว้นแต่เกิดชำรุดเสียหายจากการใช้งานของนักร้องหรือนักดนตรีในคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ อย่างการพังกีตาร์บนเวทีก็อาจทำให้ราคาสูงขึ้นได้ อย่างไรก็ดี ของสะสมในแวดวงดนตรีก็ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานในช่วงเวลานั้นๆ รวมถึงความล้ำค่าหายากก็มีส่วนอย่างมากกับราคา เพราะแม้ว่าจะเป็นอัลบั้มวินเทจต้นฉบับ แต่ทำออกมาหลายๆ ก๊อบปี้ก็จะมีราคาไม่สูง นอกจากนี้นักสะสมอาจจะต้องรอเวลา เพราะของที่ดูไร้ค่าในวันนี้อาจจะมีราคาสูงมากๆ ในอนาคต ที่สำคัญคือข้าวของชิ้นนั้นต้องเชื่อมโยงไปถึงตัวนักร้องหรือวงดนตรีจริงๆ เพราะต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีของปลอมอยู่เกลื่อนโลกอินเทอร์เน็ต
และถ้ามองให้แคบลงไปในหมวดเครื่องดนตรี ของที่น่าสะสมก็คงไม่พ้นกีตาร์ เพราะใช้ในดนตรีแทบทุกแขนง และมักเป็นองค์ประกอบในภาพจำต่างๆ ของโมเมนต์ทางดนตรีระดับโลก ทำให้กีตาร์ที่มีประวัติน่าสนใจและเคยเป็นของศิลปินระดับตำนานมีราคาสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งนักสะสมก็มีอยู่ในแทบทุกวงการ ไล่มาตั้งแต่นักดนตรีรุ่นใหม่ นักธุรกิจผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรระดับโลก หรือแม้กระทั่งเจ้าชาย นี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าดนตรีแทรกซึมและเชื่อมโยงผู้คนเอาไว้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ชนชั้นไหนก็ตาม
Jimi Hendrix’s 1968 Fender Stratocaster ราคาประมาณ 67.6 ล้านบาท
เรียกว่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของมือกีตาร์ระดับตำนานอย่าง Jimi Hendrix เพราะเป็นกีตาร์ที่เขาใช้แสดงในคอนเสิร์ต Woodstock ปี 1969 โดยได้รับการประมูลไปโดย Paul Allen หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Microsoft ซึ่งก็เป็นนักเล่นกีตาร์และนักสะสมกีตาร์เหมือนกัน เหตุผลที่เขาตัดสินใจประมูลไปด้วยราคาสูงขนาดนี้ เพราะ Jimi Hendrix เป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลงรักการเล่นกีตาร์ ที่สำคัญเขายังใจสปอร์ต มอบกีตาร์ในตำนานให้กับ Museum of Pop Culture เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังอีกต่างหาก
John Lennon’s 1962 Gibson J-160E ราคาประมาณ 81.3 ล้านบาท
ในปี 1962 ผู้จัดการวง The Beatles ได้ซื้อกีตาร์โปร่ง Gibson J-160E ที่เกือบจะเหมือนกัน 2 ตัว ให้กับสองสมาชิกของวง คือ John Lennon และ George Harrison ในราคาราวๆ 7,200 บาท (เทียบกับเงินปัจจุบันประมาณ 161,000 บาท) ต่อมากีตาร์ตัวนี้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตอย่าง She Loves You, I Saw Her Standing There และ I Want To Hold Your Hand หลังจากนั้นกีตาร์ของ John Lennon ก็หายไป และถูกค้นพบอีกครั้งในปี 2014 ซึ่งเจ้าของในขณะนั้นซื้อมาในราคาเพียง 7,800 บาทในปี 1969 ต่อมาในปี 2015 กีตาร์ตัวนี้ถูกนำออกมาประมูลโดยมีมูลค่าถึง 81.3 ล้านบาท โดยรายได้ครึ่งหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิที่ John Lennon และ Yoko Ono ก่อตั้งขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
Reach Out to Asia Stratocaster ราคาประมาณ 91.5 ล้านบาท
กีตาร์ที่เคยครองสถิติราคาแพงที่สุดในโลกนานกว่า 10 ปีตัวนี้มีประวัติความเป็นมาแตกต่างจากกีตาร์ตัวอื่น เพราะไม่เคยเป็นของศิลปินชื่อดังคนใด แต่รวบรวมลายเซ็นของมือกีตาร์ระดับโลกไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น David Gilmour, Mick Jagger, Keith Richards, Eric Clapton, Jimmy Page, Pete Townshend, Jeff Beck ฯลฯ กีตาร์ตัวนี้ถูกนำมาประมูลเพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2004 ซึ่งผู้ที่ประมูลไปก็คือ Sheikha Al-Mayassa สมาชิกในราชวงศ์ของกาตาร์ ในราคา 91.5 ล้านบาท ทำลายสถิติกีตาร์ที่แพงที่สุดในโลกของ Eric Clapton ที่มีราคา 33.8 ล้านบาท
David Gilmour’s Black Strat ราคาประมาณ 134.8 ล้านบาท
นี่คือกีตาร์ของ David Gilmour สมาชิกของวงร็อกในตำนาน Pink Floyd และกลายเป็นสัญลักษณ์ส่วนตัวของเขานับตั้งแต่นำขึ้นแสดงครั้งแรกเมื่อปี 1970 จากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในโมเมนต์สำคัญๆ ของวงมาตลอด นับตั้งแต่ปี 1970-1986 โดยเจ้ากีตาร์ตัวนี้ได้รับการดัดแปลงหลายครั้ง และถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้งในคอนเสิร์ต Live8 เมื่อปี 2005 ต่อมาในปี 2019 มีการนำกีตาร์ตัวนี้มาออกประมูล โดยทำราคาสูงถึง 134.8 ล้านบาท และนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับองค์กร ClientEarth เพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน
Kurt Cobain’s Martin D18E ราคาประมาณ 203.7 ล้านบาท
นี่คือหนึ่งในกีตาร์ที่กลายเป็นภาพจำของ Kurt Cobain จากการแสดงดนตรี Nirvana’s MTV Unplugged โดยกีตาร์รุ่น Martin 1959 D-18E เป็นหมายเลข 7 ของจำนวนกีตาร์ 307 ตัวที่ผลิตในปีนั้น โดย Kurt Cobain ได้ซื้อมาก่อนวันแสดงคอนเสิร์ตเพียงไม่กี่วัน เจ้ากีตาร์ตัวนี้ถูกนำมาออกประมูลเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 โดยผู้ที่ประมูลไปคือนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย ด้วยมูลค่า 203.7 ล้านบาท ทั้งๆ ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำราคาได้เพียง 33.8 ล้านบาทเท่านั้น
อ้างอิง:
- https://guitar.com/features/opinion-analysis/most-expensive-guitars-ever-sold/?fbclid=IwAR2OZlxtXp0gf0RH1hR63F3y0kaCT33nCVYqxrNc_7KkPU2Ea-E7X5QMxD0
- https://edition.cnn.com/style/article/music-stars-guitars-auction-scli-intl/index.html
- https://www.valuemystuff.com/eu/blog/how-to-value-pop-and-rock-memorabilia
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP