เมื่อขอบฟ้าเมืองไทยไม่กว้างพอ! 5 นักแสดงขอย้ายประเทศคว้าดาวในต่างแดน

วงการบันเทิงไทยมีขนาดไม่ใหญ่ มีความถ้อยทีถ้อยอาศัย อยู่ได้อย่างสบายกายหากรู้จักอยู่ แต่อาจไม่สบายใจสำหรับใครที่ต้องการความท้าทายและมีศักยภาพมากพอที่จะไปได้ไกลกว่านั้น เพราะต้องยอมรับว่าความบันเทิงแบบไทยๆ ยังขาดความหลากหลาย ทางออกของนักแสดงหลายคนก็คือการออกไปไขว่คว้าชื่อเสียงในต่างแดนที่เต็มไปด้วยโอกาส ซึ่งต้องแลกมาด้วยความมุ่งมั่น พยายาม และบางครั้งก็ต้องยอมลดละความสำเร็จเดิมที่เคยมีมา หนทางข้างหน้าก็มีอุปสรรคยิ่งกว่าลูกบิดน้ำแข็ง จะประสบความสำเร็จหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ดีกว่าที่จะอยู่นิ่งไร้การพัฒนา

ความจริงมีนักแสดงไทยหลายๆ คนได้ทำงานในระดับอินเตอร์ แต่ที่เลือกนักแสดงทั้ง 5 คนนี้ เพราะหลายคนพบกับข้อจำกัดของวงการบันเทิงไทยที่ยังไม่กว้างพอ ดังนั้นคำตอบที่ดีที่สุดก็คือการลองไปทำงานในต่างประเทศ บางคนประสบความสำเร็จ บางคนยังต้องไขว่คว้ากันต่อไป จะมีใครบ้าง ไปดูกัน

ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์

(ขวาสุด) ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์ คือนางแบบสุดฮอตบนหน้าปกนิตยสารไทย จากนั้นฟลอเรนซ์ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงและฝากผลงานมาสเตอร์พีซเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง ทวิภพ เมื่อปี 2547 แต่เพราะความ ‘ฝรั่งเกินไป’ และ ‘เฟียสเกินกว่าวงการละครไทย’ เธอเลือกที่จะเดินทางไปทำงานเป็นนางแบบในต่างประเทศ ซึ่งก็เหมือนการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพราะพอไปอยู่ในตลาดที่ใหญ่ขึ้นก็ไม่มีใครสนใจว่าคุณเคยเป็นใครมาก่อน

ในปี 2549 ฟลอเรนซ์ปรากฏตัวแค่ไม่กี่วินาทีในภาพยนตร์ Box Office เรื่อง The Devil Wears Prada จากนั้นผ่านไปกว่า 8 ปี ชื่อของเธอจึงปรากฏเป็นนักแสดงหลักในซีรีส์เรื่อง The Expanse ทางช่อง Syfy โดยรับบทเป็น จูลี เหมา หนึ่งในตัวละครสำคัญของเรื่อง และได้ร่วมเล่นซีรีส์ฟอร์มยักษ์อย่าง Agents of S.H.I.E.L.D. ซีซัน 5 ในปี 2561 ซึ่งก็ได้มาออกอากาศที่เมืองไทยทางช่อง MONO29 ทุกวันนี้ฟลอเรนซ์เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา และยังเดินหน้าออดิชันหาบทบาทใหม่ๆในฮอลลีวูดต่อไป

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

ต้องขอบคุณละครเรื่อง Full House วุ่นนักรักเต็มบ้าน ที่ออกอากาศในปี 2557 ทำให้ไมค์เริ่มสร้างฐานแฟนคลับในจีน จนมีทีมงานจีนติดต่อเพื่อให้ไปทำงาน ไมค์จึงเลือกออกจากเซฟโซนและไปทำงานที่นั่น ทั้งที่ก็ประสบความสำเร็จในเมืองไทยอยู่พอสมควร

ความจริงไมค์เล่นละครมาหลายปี แต่ก็ถือว่าเป็นพระเอกในระดับกลางๆ การมีผลงานระดับอินเตอร์น่าจะส่งผลดีในอนาคต ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างสูง ทั้งเรื่องของภาษาและระบบการทำงาน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าต้องท่องบทเป็นภาษาคาราโอเกะกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่ทีมงานก็ยินดีที่จะให้เขาใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะซีรีส์จีนต้องพากย์เสียงทับเพื่อออกฉายในจีนแต่ละภูมิภาคซึ่งใช้ภาษาต่างกันอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนยันที่จะใช้ภาษาจีนเพื่อความเป็นมืออาชีพ

ในปี 2558 ไมค์ได้แสดงซีรีส์เรื่อง The Monster Killer แม้เป็นบทรับเชิญไม่กี่ตอน แต่ก็ปูทางในวงการบันเทิงจีนให้กับเขา จากนั้นก็แสดงภาพยนตร์เรื่อง Surprise รับบทเป็นตือโป๊ยก่าย แต่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือการรับบทเป็นเชฟในเรื่อง Delicious Destiny ในปี 2560 ซึ่งมียอดผู้ชมผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ทำให้ชื่อของไมค์กลายเป็นที่รู้จักของผู้ชมชาวจีน ทุกวันนี้เขามียอดผู้ติดตามถึง 7.5 ล้านคนใน Weibo จนทำให้ได้รับรางวัล Foreign Artist of the Year จาก Weibo Fan Festival 2561

ภาพยนตร์เรื่อง The Misfits

ล่าสุดไมค์เซ็นสัญญากับทางค่าย CAA เอเจนซีดังที่ดูแล แบรด พิตต์, ทอม ครูซ, นิโคล คิดแมน และ เอ็มมา วัตสัน และได้ร่วมงานกับ เพียร์ซ บรอสแนน ในภาพยนตร์ The Misfits โดยรับบทเป็น วิค หนุ่มจีนเนิร์ดคอมพิวเตอร์หนึ่งในทีมพระเอก แม้จะเป็นหนังฟอร์มกลางๆ แต่ก็ถือเป็นการขยับเข้าใกล้ความฝันอีกหนึ่งสเตป

นนกุล-ชานน สันตินธรกุล

นนกุล-ชานน สันตินธรกุล

สังคมไทยค่อนข้างรู้สึกลบกับคำว่า ‘ทะเยอทะยาน’ แต่ถ้าขาดความทะเยอทะยานความสำเร็จก็คงไม่มีทางมาถึง นนกุลน่าจะเป็นตัวอย่างของความทะเยอทะยานในทางที่ดี เพราะเขาไม่คิดจะหยุดอยู่กับคำชื่นชมจากความสำเร็จ เอาเข้าจริงภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง เมื่อปี 2560 ก็น่าจะทำให้นนกุล ‘ตักตวง’ ความสำเร็จนั้นในเมืองไทยได้หลายปี แต่เมื่อมีงานจากประเทศจีนติดต่อเข้ามา เขาก็รีบคว้าโอกาสนั้นไว้

นนกุลห่างหายจากวงการบันเทิงไทยในช่วงที่พีกสุดๆ เพราะเชื่อว่าการไปทำงานที่จีนคือก้าวหนึ่งของความฝันในการเป็นนักแสดงระดับอินเตอร์ ถึงจะมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่ก็ถือเป็นนักแสดงที่ตัวเล็กมากสำหรับวงการบันเทิงที่มีผู้ชมระดับพันล้านคนอย่างจีน ดังนั้นเขาจึงต้องหาจุดเด่น เป็นให้ได้มากกว่านักแสดงที่หน้าตาดี แสดงดี แต่ต้องมีวินัย เพื่อเป็นแต้มต่อลบข้อด้อยในเรื่องภาษาที่นักแสดงจีนน่าจะมีภาษีดีกว่าเขา

“โอ๊ย ทำไมต้องฝันไกลขนาดนั้น เอาประเทศไทยให้รอดก่อนไหม” คือประโยคที่เขาเคยโดนแซะตอนที่อยู่เมืองไทย แต่ในที่สุดนนกุลก็มีโอกาสไปเล่นซีรีส์จีน 2 เรื่องคือ Blowing in the Wind และ Dive ด้วยรูปแบบการทำงานที่แตกต่างจากเมืองไทย ทั้งเรื่องเวลาการทำงานและการเลือกรับงานครั้งละ 1 เรื่อง เพื่อให้โฟกัสกับบทบาทได้ดีขึ้น เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าท่องบทถึง 400 รอบกว่าที่จะแสดงด้วยภาษาที่ตัวเองไม่เข้าใจได้ และเมืองไทยก็ดูจะชิลไปสำหรับเขาเสียแล้ว

บี้-ธรรศภาคย์ ชี

บี้-ธรรศภาคย์ ชี

คุณพ่อลูกสองที่มีชื่อเสียงในระดับกลางๆ ได้รับบทพระเอกบ้าง พระรองบ้างในเมืองไทย ด้วยอายุและชื่อเสียงในระดับนี้อีกไม่นานก็อาจจะได้รับบทรองลงไปเรื่อยๆ ดีที่เขาใช้แต้มต่อจากการเป็นลูกครึ่งไต้หวัน ทำให้พูดจีนได้บ้าง ไปหางานในวงการบันเทิงจีน เริ่มจากการเป็นพิธีกรในรายการ Secret of Beauty จากนั้นในปี 2561 ก็แสดงซีรีส์เรื่อง Cinderella Chef ซีรีส์รักโรแมนติกย้อนยุค ในปีเดียวกันก็รับบทพระรองในซีรีส์เรื่อง Love Won’t Wait ประกบนักแสดงตัวแม่ของจีนอย่าง จางป๋อจือ และ แวนเนส วู ล่าสุดในปี 2562 บี้ก็ได้รับบทพระเอกอีกครั้งในซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้เรื่อง My Girlfriend is an Alien

ซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้เรื่อง My Girlfriend is an Alien

ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์

“การทำงานที่ต่างประเทศจะไม่มองถึงเรื่องเพศ แต่จะมองกันที่ผลงานการแสดง” ปอย ตรีชฎา ให้สัมภาษณ์กับสื่อในประเด็นที่เธอได้ไปทำงานในวงการบันเทิงจีนในฐานะนักแสดงค่ายยูนิเวอร์สอาร์ดิสต์เมเนเจอร์ที่ฮ่องกง ซึ่งหากปอยยังรับงานแสดงในเมืองไทยก็คงมีบทให้เลือกไม่มากสำหรับสาวประเภทสอง และส่วนใหญ่ก็บทรองๆ มีเพียงแค่ละครเรื่อง นางแค้น ที่เธอได้รับบทเด่นเป็นนางโชว์ในคณะคาบาเรต์

ภาพยนต์เรื่อง เดชคัมภีร์เทวดา

หลังจากภาพยนตร์เรื่อง The White Storm ที่ปอยแสดงคู่กับ กู่เทียนเล่อ ในปี 2556 ปอยมีผลงานการแสดงในจีนอยู่เรื่อยๆ และไม่ได้จำกัดอยู่แค่บทสาวประเภทสอง แต่ได้รับบทบาทที่หลากหลายในฐานะนักแสดงหญิงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น From Vegas to Macau, Insomnia Lover, Witch Doctor, Poker Queen ฯลฯ และล่าสุดในภาพยนตร์กำลังภายใน จางเฟิงเตา ปอยรับบทเป็น เว๋ยตู่ฟูเหริน ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นบท ตงฟางปุ๊ป้าย ในเรื่อง เดชคัมภีร์เทวดา นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่พักการถ่ายทำเพราะโควิด-19 อีกหนึ่งเรื่องอีกด้วย