วันนี้ (26 มิถุนายน) สาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีชั้น 14 ที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะไต่สวนเอง ได้มีการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานไปค่อนข้างครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีการไต่สวนคดีของผู้ร้องที่พิจารณาบังคับโทษกับทักษิณใหม่อยู่ด้วย ทาง ป.ป.ช. ก็มีการมอบหมายให้ผู้แทนไปให้ศาลไต่สวนเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งเป็นกระบวนการไต่สวนของศาล
ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ก็ยังการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. เราก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไป เนื่องจากไม่ได้มีข้อกฎหมายว่าเมื่อศาลรับดำเนินการในส่วนนี้แล้ว ป.ป.ช. จะต้องหยุด อีกทั้งคดีนี้ ป.ป.ช. ได้มีการขอข้อมูลจากแพทยสภา ตามที่แพทยสภาได้มีมติที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ จึงได้ขอพยานหลักฐานการวินิจฉัยของแพทยสภามาประกอบการพิจารณา แต่เนื้อหารายละเอียดเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งในส่วนของสำนักงานไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงเนื้อหาได้
ส่วนพยานหลักฐานของแพทยสภา มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการประสานงานขอพยานหลักฐาน และกรณีที่ ป.ป.ช. เชิญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่า ไม่ได้ตรวจสอบในสถานที่จริงนั้น สาโรจน์กล่าวว่า น่าจะได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว แต่ได้มีการเข้าไปตรวจในห้องหรือไม่ อย่างไรนั้น อยู่ในสำนวนข้อเท็จจริง
เลขาธิการ ป.ป.ช. ยังกล่าวว่า คดีนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเป็นประเด็นการเมือง เพราะ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกอบกับ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนเรื่องนี้อยู่ด้วย
สำหรับกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคดีนี้เมื่อพยานหลักฐานครบถ้วน ก็สามารถพิจารณาได้ หากยังไม่ครบถ้วนก็ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ โดยเฉพาะพยานหลักฐานของแพทยสภาเมื่อได้มาแล้ว ต้องพิจารณาว่าเป็นข้อเท็จจริงในประเด็นที่เราไต่สวนหรือไม่
คดี 44 สส. กำลังรวมคำร้อง-คำขอ ของผู้ถูกกล่าวหา
สำหรับกรณีเรียก 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล เข้ารับทราบข้อกล่าวหา จากการเข้าชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สาโรจน์ระบุว่า ในคดีดังกล่าว ได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาแจงข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ดำเนินการชี้แจงข้อกล่าวหามาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอองค์คณะพิจารณาคำร้องขอต่างๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ประกอบการชี้แจงมา ว่าจะให้องค์คณะเรียกพยานหลักฐานอะไรมาประกอบการพิจารณาหรือไม่
สำหรับระยะเวลาการพิจารณาจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่นั้น สาโรจน์กล่าวว่า ทุกคดีมีความเหมือนกัน ซึ่งเราต้องพิจารณาคำร้องและคำขอของผู้ถูกกล่าวหาให้ครบถ้วน เพื่อความยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหาทุกราย เมื่อสามารถรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วน ก็ต้องสรุปสำนวนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป ดังนั้น กรอบระยะเวลาขึ้นอยู่กับสำนวน หากสมบูรณ์เมื่อใดก็จะสามารถเสนอสำนวนพิจารณาได้
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงครบทุกคนแล้วใช่หรือไม่ สาโรจน์กล่าวว่า จะต้องพิจารณาตามคำขอของผู้ถูกกล่าวหาก่อนในกรอบเวลาขององค์คณะ และพิจารณาว่าอะไรอยู่ในสำนวนแล้ว ส่วนประเด็นไหนที่ยังไม่มี และเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ก็ต้องดำเนินการให้กับผู้ถูกกล่าวหา หลังจากนั้นจะสรุปสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.
โดยต่อจากนี้จะต้องเรียกใครมาให้ข้อมูลเพิ่มหรือไม่ สาโรจน์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าทั้ง 44 คน มีคำร้องหรือคำขอมากขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละท่าน ส่วนใน 44 คนดังกล่าวมีใครให้การปฏิเสธหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบในเนื้อหา เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการ