SHARGE ผู้นำตลาด EV Charging Solution เสนอ 4 ข้อสำคัญถึงว่าที่รัฐบาลใหม่ เร่งปลดล็อก EV Ecosystem เข้าถึง EV สาธารณะ เปลี่ยนเงื่อนไขภาษี และปลดล็อกค่าไฟ EV มองเมื่อรัฐปลุกกระแสการใช้รถ EV ได้แล้ว ก้าวต่อไปคือการเร่งเติมกระสุนนโยบายหล่อเลี้ยงโมเมนตัมต่อเนื่อง
พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำ EV Charging Ecosystem กล่าวว่า กระแสความร้อนแรงของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะเป็นตัวกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายทุกภาคส่วน รวมถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด
ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองชูวิสัยทัศน์เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และนโยบายสนับสนุนการใช้ EV ผลักดันการเปลี่ยนรถขนส่งสาธารณะเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) MOU จัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมืองที่ประกาศออกมาล่าสุดก็มุ่งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) สะท้อนให้เห็นว่า EV เป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งผลักดัน
อีกทั้งการประกาศใช้นโยบาย 30@30 ระยะแรกของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาใช้รถ EV เกิดกระแสการตื่นรู้ด้านความยั่งยืนทางพลังงาน จนสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อข้ามคืน และมียอดจองพุ่งหลายพันคันภายในวันเดียว
“ดังนั้นเราปลุกกระแสการใช้รถ EV ส่วนบุคคลในประเทศไทยให้เกิดขึ้นได้แล้ว ก้าวต่อไปคือการเติมกระสุนนโยบายหล่อเลี้ยงโมเมนตัมอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐจำเป็นต้องปลดล็อกเงื่อนไข เพื่อขยายโอกาสให้คนไทยทุกคนได้ใช้ EV อย่างทั่วถึง”
เปลี่ยนเงื่อนไขภาษี ปลดล็อกค่าไฟฟ้า EV
ว่าที่รัฐบาลใหม่ต้องสนับสนุนการลงทุนที่จูงใจให้ผู้ประกอบการใหม่อยากลงทุน และให้ผู้ประกอบการเดิมหันมาใช้ EV จึงเสนอแนวทางนโยบาย 4 ข้อ ได้แก่
- เปลี่ยนเงื่อนไขภาษีผู้ผลิต EV ทยอยปลดล็อกเงื่อนไขยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทที่ผลิตรถ EV ภายในประเทศไทย เพิ่มจำนวนผู้ผลิตรถ EV ในตลาดให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการผูกขาด กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ ทั้งด้านการผลิต, คุณภาพ, มาตรฐาน และราคายานยนต์
- ปั้นบุคลากรด้าน EV ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีความเชี่ยวชาญด้าน EV ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตรถ EV ไปจนถึงการซ่อมบำรุง เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา EV
- เปิดทางนโยบายลดต้นทุน กระตุ้นการเปลี่ยนผ่านการลงทุนแรกเริ่มที่สูงทั้งค่ายานยนต์และค่าอุปกรณ์ ทำให้ผู้ประกอบการ Commercial Fleet ยังไม่ตัดสินใจนำ EV เข้ามาใช้ในธุรกิจ การเปิดโอกาสให้ตลาดมีการแข่งขันหลายราย ผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาตจะสามารถเข้าถึงรถบรรทุก-รถโดยสาร EV และ EV Infrastructure ที่มีประสิทธิภาพในต้นทุนที่เหมาะสมได้ อาทิ อุปกรณ์ชาร์จ EV หรือ EV Charger ที่มีกำลังไฟฟ้าสูงในราคาที่ถูกลง ดึงดูดให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนและพัฒนาเครือข่ายขนส่งสาธารณะ EV กันมากขึ้น
- ปลดล็อกค่าไฟ EV ค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นอีกความท้าทายของการขยาย EV สู่บริการขนส่งสาธารณะและโลจิสติกส์ ภาครัฐจึงควรปลดล็อกเงื่อนไขโครงการค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Low Priority อัตราพิเศษหน่วยละ 2.63 บาทที่จำกัดเฉพาะสถานีชาร์จ EV สาธารณะ ให้ขยายไปยังผู้ประกอบการ Commercial Fleet
เช่น เพิ่มคุณสมบัติให้อู่แท็กซี่ EV ที่มีหัวชาร์จ EV จำนวน 10 จุดขึ้นไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งจะช่วยให้คนขับแท็กซี่มีรายได้เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายลดลงไปพร้อมกัน เนื่องจากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 1 บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 2 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ลดลงกว่าครึ่ง
การปลดล็อกส่วนนี้จะจูงใจให้แท็กซี่ไทย ผู้ให้บริการรถโดยสาร และผู้ให้บริการ Last Mile Transportation เปลี่ยนผ่านสู่ EV
Regulator อาจต้องกลับมาทบทวนกฎระเบียบ
หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ EV หรือ EV Ecosystem อาจต้องกลับมาทบทวนกฎระเบียบด้วยกัน 4 ข้อ
- การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พิจารณากฎหมายที่อาจจะปิดกั้น EV เข้าสู่ตลาด เช่น ข้อกำหนดเรื่องรถแท็กซี่ต้องมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรขึ้นไป ขณะที่รถ EV ในปัจจุบันไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถนำรถ EV มาเป็นแท็กซี่ได้
- การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน (EV Infrastructure) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ EV และทำให้คนทุกกลุ่มเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น
- การกระตุ้นให้เกิดผู้ใช้ EV ใหม่ อาจต้องพิจารณาสนับสนุนด้านภาษีหรือสิทธิประโยชน์ (Incentive) แก่ผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่นำรถ EV มาใช้เป็นครั้งแรก หรือมีอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษ
- การสร้างประโยชน์ต่อประเทศ พิจารณาประโยชน์จากการใช้ EV อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต และการสนับสนุนกลุ่ม Commercial Fleet ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะและโลจิสติกส์ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ EV เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่มได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ปัจจุบัน Commercial Fleet เป็นกลุ่มที่ยังมีสัดส่วนการใช้ EV น้อย ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านกฎหมายและด้านการลงทุนในระยะแรกเริ่ม
สำหรับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE เป็นผู้นำบริการ EV Charging Solution แบบครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เพื่อรองรับ Lifestyle Charging Ecosystem ทั้ง Night, Day และ On the Go เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ มีบริษัทขนาดใหญ่จากหลากหลายเซกเตอร์เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
ทั้งยังร่วมกับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็นคอม ชาร์จ ยูทิลิตี เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ ENCOM SHARGE ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง EV Charger ตามที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมในพื้นที่ต่างจังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ