×

มองฟ้าหลังฝนจาก 4 คนการเมือง ถึงอนาคตประเทศไทย อนาคตของพวกเราทุกคน

04.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 MINS READ
  • “ผมไม่เอานายกฯ คนนอก เพราะไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย ผมเชื่อว่าถ้าเป็นกลไกนายกคนนอก บ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวายเป็นแน่” – อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี
  • “ฟ้าหลังฝน การเลือกตั้งหลังการรัฐประหารจะเกิดการเมืองหน้าใหม่เสมอ” -ไกลก้อง ไวทยการ
  • “ความเจริญมันไม่ได้วัดกันแค่รถไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์หรือถนน แต่มันวัดกันที่คุณภาพของชีวิตคน กับสิ่งที่คนในสังคมต้องพบเจอ” – สุรชาติ เทียนทอง
  • “นักการเมืองเลว แล้วทหารมันดีหมดเหรอ ธรรมชาตินั้นทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี” – พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

เมฆค่ำ ฟ้าครึ้ม ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2561 20 วันก่อนจะครบรอบ 4 ปี ของเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับ Singhadang Channel จัดงานเสวนาในหัวข้อ ‘พรรคการเมือง คนรุ่นใหม่ กับทิศทางการเมืองไทย’ โดยนำผู้ที่มีชื่อเสียงทางการเมืองถึง 4 ท่านมาร่วมพูดคุยเสวนาถึงทิศทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

คนแรกคือ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา วีรบุรุษนาแก ที่ได้มาจากการขอย้ายตำแหน่งตนเองลงไปในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ หรือมือปราบตงฉิน ที่ได้มาจากการเอาจริงในการปราบปรามอิทธิพลมืดต่างๆ

 

คนที่สองคือ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตรองโฆษก ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขตจตุจักร ผู้เคยมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์อย่าง กปปส. กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

 

คนที่สาม สุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย ผู้มีบิดาเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างนายเสนาะ เทียนทอง  

 

และคนสุดท้าย ไกลก้อง ไวทยการ ผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) อย่าง Change Fusion และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่อย่าง พรรคอนาคตใหม่

 

 

ปัจจุบันไม่มีการเมือง มีแต่การทหาร

นายอรรถวิชช์จากพรรคประชาธิปัตย​์ได้กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีการเมือง “มีแต่การทหาร อายุ 40 ปีของผม ผมผ่านนายกฯ มา 7 คน เราเสียเวลาร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าเวลาใช้ ผมขอประกาศเลยว่า

 

ผมไม่เอานายกคนนอก เพราะไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย ผมเชื่อว่าถ้าเป็นกลไกนายกฯ คนนอก บ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวายเป็นแน่

 

นายกรัฐมนตรีต้องมาจากคนในเท่านั้น ในอนาคตข้างหน้าเราต้องจับตาดูว่า ตอนนี้ทหารกำลังดึงเอานักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานเสียงเข้าพรรค เพื่อจะได้เสียง 25 คนขึ้นไป เขามีโอกาสได้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่เขาต้องการแน่ และเหตุการณ์ก็จะวนเวียนซ้ำเดิม เหมือนเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่

 

ในห้วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน การปฏิรูปของรัฐบาลที่มีมาตราวิเศษอย่างมาตรา 44 น่าจะปฏิรูปในหลายประเด็นให้เสร็จ แต่เรื่องทั้งหมดจะถูกกระทำหลังจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น มีการละเลยทั้งเรื่องกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด แนวคิดนี้ไม่มีทางเกิดในยุคทหาร เพราะทหารต้องการการเชื่อฟังจากส่วนที่สูงที่สุด

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงประเด็นรัฐธรรมนูญด้วยว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันแปลกประหลาดที่สุดแต่ก็มีข้อดีด้วย ทำให้กรรมการพรรคหรือหัวหน้าพรรคไม่สามารถชี้นำสมาชิกพรรคได้เท่าเดิม เป็นยุคที่เปิดกว้างมาก มีระบบ Primary Vote ที่ทำให้ไม่มีระบบเด็กเส้น ถ้าเราได้ความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ก็จะทำให้มีโอกาสเข้าสู่การเป็นนักการเมืองมากขึ้น

 

ฟ้าหลังฝน การเลือกตั้งหลังการรัฐประหาร จะเกิดการเมืองหน้าใหม่เสมอ

รุ่นใหม่ หน้าใหม่ แต่จุดยืนชัดเจน

นายไกลก้องกล่าวว่า การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาอำนาจของ คสช. ไม่เอาการสืบทอดอำนาจไม่ว่าจะเป็นรูปแบบนายกฯ คนนอก หรือรูปแบบการตั้งกระบวนการสืบทอดอำนาจด้วยสภา นี่คือจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่ ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน หลายท่านพูดถึงสถานการณ์การเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2549 จนมาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยในสถานการณ์โลกเป็นอะไรที่น่าสนใจ ที่เราอยู่ในยุคทหารช่วงหนึ่ง เลือกตั้งแล้วก็กลับมาอีกช่วงหนึ่ง น่าสนใจว่าดัชนีชี้วัดคอร์รัปชัน มาตรฐานการศึกษาหรือสิทธิมนุษยชน เราแทบจะเป็นโดมิโนตัวแรกในอาเซียนที่เริ่มแย่ลง ใน 10 ปีที่ผ่านมา เราเสียโอกาสมากมายทางการเมือง

 

และยังได้เสริมย้ำถึงวิสัยทัศน์ของพรรคอีกว่า เราไม่ได้มองแค่การเลือกตั้งครั้งหน้าเพียงอย่างเดียว เราตั้งใจที่จะทำงานในระยะยาว เราอยากจะปลดล็อก ปรับโครงสร้าง ไม่ใช่ประเทศที่เปิดโอกาสให้แค่เฉพาะกลุ่มคนหรือแค่กลุ่มทุน แต่ให้คนทั่วไปได้มาร่วมมีสิทธิ์ในการเมืองด้วย

 

เราจะเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้มีทางเลือกขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคของ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ พรรคเกรียน พรรคมวลมหาประชาชน ยอมรับว่าพรรคเรามีต้นทุนที่น้อยกว่าพรรคอื่นๆ เรากำลังทำงานหนักเพื่อนโยบาย เราอยากฟังมากว่าคนส่วนใหญ่คิดเห็นอะไร อย่างไร พยายามเปิดทางโซเชียล เยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษาด้วย

 

การเมืองในยุคต่อไปจะมิใช่แค่การมีส่วนร่วมแค่ไปเลือกผู้แทน แต่จะมีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางสังคมด้วย หลายๆ เรื่องที่เราทำเป็นต้นแบบหรือนำร่อง คือประเด็นว่าจะทำอย่างไรให้มีหน่วยหรือกระบวนการที่เชื่อมต่อภาคส่วนต่างๆ ของสังคม

 

เราพยายามจะใช้ Social Inclusion เพื่อนำกลุ่มคนที่ถูกผลักออกไปข้างนอกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง คนพิการ LGBT คนติดเชื้อ คนขายบริการทางเพศ

 

อีกเรื่องที่เราสนใจคือ การกระจายอำนาจในมิติทางเศรษฐกิจ เช่น การมีธนาคารประจำท้องถิ่นเพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้ทัดเทียมเมืองใหญ่ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่มักจะเกิดเป็นคำถามเสมอว่า “ทำไมเรียนจบแล้วต้องทำงานที่กรุงเทพฯ เท่านั้นเพื่อความเจริญก้าวหน้า”

 

หรือจะเป็นประเด็นประชาธิปไตยแบบทางตรง ประชาธิปไตยทางอ้อมในปัจจุบัน เราเห็นปัญหาว่ามีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เราจะทำอย่างไรให้ระบบที่ฉลาดอย่าง AI หรือจะเป็นระบบที่รวบรวมความเห็นแล้วก็นำมาเป็นนโยบาย

 

ความเจริญมันไม่ได้วัดกันแค่รถไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์หรือถนน แต่มันวัดกันที่คุณภาพของชีวิตคน กับสิ่งที่คนในสังคมต้องพบเจอ

 

Time Stone คนรุ่นใหม่และนักการเมือง

นายสุรชาติได้เล่าท้าวความว่า “ผมบ้าการเมืองตั้งแต่ ป.5 คุณครูถามว่าอยากเป็นอะไร ผมตอบว่าอยากเป็น ส.ส. ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าการเมืองคืออะไร เริ่มติดตาม ดูข่าวสาร ซึมซับเรื่องของการเมืองมาเรื่อยๆ ตอนอายุ 20 ต้นๆ เรียนจบใหม่ๆ เราเริ่มจะเดินตามความฝัน เริ่มคิด วาดภาพฝันว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะทำอย่างไรให้สังคมเป็นไปดังภาพที่เราวาดฝัน จนมานั่งวันนี้ ในวัยเกือบ 40 จากความฝันกลายเป็นความจริง กว่าจะได้เป็น ส.ส. ได้ ต้องได้รับความชื่นชอบไว้ใจจากคนกี่คน ผมเคยภูมิใจมาก

 

“แต่ทุกวันนี้เวลาผมไปไหน ผมไม่อยากให้คนรู้ว่าเราเป็นนักการเมือง ผมไม่อยากส่งต่อสิ่งแย่ๆ อย่างนี้ให้คนรุ่นต่อไป มาร่วมกันสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ สร้างค่านิยมใหม่ๆ

“ผมอยากจะยกตัวอย่างจากเรื่อง Avengers: Infinity War มาเปรียบเทียบกับการเมืองไทย ธานอสได้ครอบครอง Infinity Stones ไปหมดแล้ว สิ่งที่เขาใช้บ่อยสุดคือ Time Stone เพื่อพาเราย้อนเวลากลับในจุดที่ต้องการ แต่สิ่งที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน พลังของคนรุ่นใหม่ว่าเราจะยอมให้เขาพาเรากลับไปในจุดที่เขาต้องการไหม ผมอยากให้คนรุ่นใหม่มองไปยังอนาคต ทุกคนควรมีส่วนร่วมทางการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน

นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งคราวหน้าไม่ใช่แค่การเลือกผู้นำของประเทศ แต่จะเป็นการชี้ชะตาที่ไม่ใช่แค่ของพวกเรา แต่จะเป็นของรุ่นต่อไปในอนาคต เราต้องมองไปยังเจเนอเรชันต่อไป เราต้องไม่ยอมจำนน ไม่ยอมให้เขาพาเรากลับไปจุดเดิมๆ เก่าๆ เราต้องมาร่วมกันสร้างค่านิยมใหม่ที่มันสามารถหยุดวังวนเดิมๆ ให้ได้ มันหมดยุคค่านิยมอาวุโสที่เด็กเถียงผู้ใหญ่ไม่ได้ อยากได้อะไร ต้องการอะไร รวมกลุ่มกันและเรียกนักการเมืองไปฟัง แล้วมาดูกันว่าพรรคการเมืองไหนจะตอบโจทย์สังคมได้มากที่สุด

 

มันขึ้นอยู่กับเราว่าเรามีส่วนร่วมมากขนาดไหน ส่วนร่วมในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกไปเลือกตั้งประชาธิปไตยแค่ 3 วินาที เราทุกคนต้องเรียกร้องเพื่อให้ได้อะไรมา

 

นักการเมืองต้องไม่ใช่คนที่มาตั้งมาตรฐานของนักการเมือง ประชาชนเท่านั้นที่จะมาเซตมาตรฐานนักการเมือง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นองค์กรอิสระมาตั้ง ประชาชนเท่านั้น

 

“ผมอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่คนรุ่นใหม่ไม่ต้องมาวนเวียน พูดกันเรื่องเดิมๆ อย่างเผด็จการหรือประชาธิปไตย การปฏิรูปใดๆ ก็จะเริ่มต้นด้วยประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ต้องมาถกเถียงในเรื่องนี้กันอีก คนรุ่นใหม่ๆ จะได้นำเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่สร้างสรรค์

 

“ความเจริญมันไม่ได้วัดกันแค่รถไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์หรือถนน แต่มันวัดกันที่คุณภาพของชีวิตคน สิ่งที่คนในสังคมต้องพบเจอ

 

นักการเมืองเลว แล้วทหารมันดีหมดเหรอ ธรรมชาตินั้นทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี

 

เลือก 4 พรรคของพวกเราแล้วจะหยุดเผด็จการได้

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กล่าวว่า “รู้สึกเศร้าใจที่ปี 2549 ผมรับราชการอยู่และคิดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ 8 ปีต่อมาก็เกิดขึ้นอีก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องยุบได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ก็ควรรีบแก้และยุติบทบาท แต่กลับอยู่ยาว คิดจะสืบอำนาจต่อ ประโยคที่ว่านักการเมืองเลว นักการเมืองเลว แล้วทหารมันดีหมดเหรอ ธรรมชาตินั้นทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี

 

“ทหารคิดเป็นใหญ่ตลอดเวลา โดยเฉพาะทหารบก แต่ไม่คิดว่าจะอยู่ในระบบหรือลงเลือกตั้ง หากทหารมีแนวคิดแบบเดิม หมดรุ่นนี้ รุ่นหน้าก็ยึดอำนาจอีก

 

“ผมขอเรียกร้องคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่มีสิทธิ์ออกเสียง ออกมาใช้สิทธิ์ของตนเอง เลือก 4 พรรคของพวกเราแล้วจะหยุดเผด็จการได้”

 

เป็นที่น่าสนใจว่า หากการเลือกตั้งคราวหน้าในปี 2562 หลังจากที่ถูกเลื่อนมาหลายรอบแล้วนั้นเกิดขึ้นจริง 8 ปีที่ประชาชนคนไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งไป เกิดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้ใช้สิทธิ์มาก่อนถึงเกือบ 7 ล้านคน ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้

 

พรรคเก่า พรรคใหม่ พรรคอนาคตหรือพรรคจากอดีต พรรคทหารหรือพรรคนอมินี พรรคการเมืองไหนจะสามารถกุมคะแนนจากคนกลุ่มนี้ได้ คงเป็นเกมที่ขับเคี่ยวกันได้มันน่าดู

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X