4 เรื่องราวฟีลกู๊ดใน FA Cup ที่คืนความสวยงามให้เกมฟุตบอลอีกครั้ง

การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบที่ 3 ได้ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสุดสัปดาห์ที่คึกคักที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ แม้ว่าโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากมายมหาศาลต่อการแข่งขัน รวมถึงสภาพอารมณ์ของสังคมที่เริ่มตั้งคำถามถึงการเตะฟุตบอลในยามที่จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดสูงจนน่ากลัว

แต่เพราะฟุตบอลเอฟเอคัพนี่เองที่ได้นำความสุขกลับคืนสู่แฟนฟุตบอลจำนวนมาก โดยเฉพาะในแฟนบอลสโมสรเล็กๆ ระดับลีกรองไปจนถึงระดับรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงกว่าสโมสรในระดับใหญ่ใน 2 ลีกสูงสุดของประเทศมาก

เพราะถึงเอฟเอคัพจะถูกลดทอนความสำคัญลงไปในสายตาของสโมสรใหญ่ๆ แต่สำหรับทีมเล็กๆ แล้ว การแข่งขันฟุตบอลรายการนี้คือ ‘โลกทั้งใบ’ สำหรับพวกเขา

ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความภาคภูมิใจ การได้หาญกล้าท้าสู้กับคู่ปรับที่เหนือกว่า แต่มันยังหมายถึงโอกาสในการลืมตาอ้าปาก โอกาสที่ทีมจะได้เงินมาจุนเจือสโมสร ซึ่งยามปกติก็มีความหมายมากแล้ว ในเวลานี้คุณค่าของมันยิ่งเพิ่มขึ้นนับเท่าพันทวี

และนั่นทำให้เราได้พบกับเรื่องราวที่สวยงามของเกมฟุตบอลที่ดีและอยากนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ 🙂

ภาพ: @Spursofficial / Twitter

‘มารีน’ ทีมลับแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ ผู้ชนะหัวใจชาวโลก

เอ่ยถึงสโมสรฟุตบอลในเมืองลิเวอร์พูล ไม่ผิดอะไรที่แฟนบอลส่วนใหญ่จะคิดถึง ‘หงส์แดง’ และ ‘ทอฟฟี่สีน้ำเงิน’ หรือหากสายลึกขึ้นมาอีกสักหน่อยก็อาจจะรู้จักทรานเมียร์ โรเวอร์ส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสโมสรในเมืองแห่งนี้

จริงๆ แล้วในเมืองนี้ยังมีทีมเล็กๆ ที่ชื่อว่า ‘มารีน เอเอฟซี’ อยู่ด้วย โดยเป็นทีมฟุตบอลซึ่งอยู่ในย่าน Crossby อยู่ในระดับดิวิชันที่ 8 ของอังกฤษ (พรีเมียร์ลีกคือดิวิชันที่ 1) ซึ่งเหมือนจะโชคร้าย เพราะได้เจอกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรระดับชั้นนำของประเทศ

แต่สำหรับทีมมารีน ในความหมายตั้งแต่ประธานสโมสร ผู้บริหาร สตาฟฟ์ นักฟุตบอล หรือแม้แต่แฟนบอลเอง มันคือโอกาสสุดพิเศษครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทีมที่รักจะได้ลงสนามเจอกับทีมระดับสูงสุดของประเทศ ที่นำมาโดยสุดยอดผู้จัดการทีมอย่าง ‘The Special One’ โชเซ มูรินโญ

ดังนั้นก่อนเกมจะเริ่มขึ้น เรื่องราวของมารีน ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลไม่กี่แห่งในประเทศที่ไม่ได้ตั้งชื่อตามเมือง แต่ดันตั้งชื่อตามผับ! ในการเตรียมตัวเพื่อเจอกับสเปอร์ส จึงได้รับการนำเสนอจากสื่อระดับชาติ ทำให้ทุกคนได้รู้จักตั้งแต่ปูมหลังของสโมสร คนดังที่เชื่อมโยงกับสโมสร (เช่น เจมี คาร์ราเกอร์ ที่เกิดและโตในย่านนี้ หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่พักอาศัยอยู่แถบนี้ในปัจจุบัน) รู้จักสนามที่เต็มไปด้วยโคลนมากกว่าหญ้า และตั้งอยู่ในชุมชนที่มีสวนอยู่ด้านหลัง และอื่นๆ อีกมากมาย

รู้ยันกระทั่งผู้บริหารสั่งให้มีการทำความสะอาด ดูดฝุ่นไม่ให้มีสักเม็ดในห้องที่เตรียมไว้รับรองนักเตะของสเปอร์ส ซึ่งปกติใช้รับจัดงานเลี้ยง งานแต่งงาน หรืองานสัมมนา! และการช่วยเหลือของลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตัน ในการเตรียมความพร้อม ทั้งการให้ยืมสนามซ้อมและการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่งแบบมืออาชีพจริงๆ

แม้จะน่าเสียดายที่โควิด-19 ทำให้แฟนบอลไม่สามารถนั่งชมในสนามมารีน ทราเวล อารีนา (ที่มีความจุแค่ 389 ที่นั่ง แต่เพราะสนามนี้อยู่ในเขตชุมชนจริงๆ ทำให้วันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนบอลมารีน นอกจากจะมีการออกมาต้อนรับนักเตะทีมตัวเอง ยังได้ต้อนรับนักเตะสเปอร์ส และอาศัยพื้นที่ชุมชนแถวนั้นยืนดูเกมไปแบบนั้นแหละ

สุดท้ายแม้ถูกสเปอร์สต้อนไปขาดลอย 5-0 แต่เรื่องราวของเกมนัดนี้ซึ่งสวยงามไปเสียทุกอย่างยันเรื่องที่สเปอร์สเตรียมเสื้อให้นักเตะมารีนทั้งทีม เพราะไม่สามารถแลกเสื้อได้ในตอนนี้ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ก็เป็นเรื่องราวที่จับใจทุกคน

เป็น The Beautiful Game ของจริง

ภาพ: @AVFCOFFICIAL / Twitter

‘One Night Only’ เกมฟุตบอลที่เหมือนวันคริสต์มาสของเด็กแอสตัน วิลลา

ความจริงแล้ว ดีน สมิธ นายใหญ่แอสตัน วิลลา มีแผนที่จะสลับใช้ผู้เล่นสำรองลงเล่นในเกมที่จะได้รับมือลิเวอร์พูล ทีมที่พวกเขาเคยถล่มย่อยยับจนแทบไม่เหลือราศีแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกเมื่อต้นฤดูกาลถึง 7-2

แต่หายนะเกิดขึ้นกับทีมเมื่อผลการตรวจโควิด-19 เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วปรากฏว่า มีจำนวนคนในทีมติดเชื้อมากถึง 14 คน โดยเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ถึง 9 คน ซึ่งถือเป็นการระบาดในวงที่รุนแรงมาก และทำให้ทั้งทีมจำเป็นต้องกักตัวทันที

การกักตัวของผู้เล่นชุดใหญ่ยกทีมแบบนี้ทำให้มีคำถามว่า แล้วเกมจะแข่งกันได้หรือไม่? ในเมื่อเลื่อนไม่ได้ หรือจะยกเลิกแล้วให้วิลลาแพ้บายไปเลย?

สุดท้ายทีมจากมิดแลนด์ตัดสินใจขอส่งทีมเยาวชนลงแข่งขันแทนก่อนหน้าที่เกมจะเริ่มเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น!

และมันก็กลายเป็น 24 ชั่วโมงที่น่าเหลือเชื่อที่สุดสำหรับเด็กๆ ทุกคน

มาร์ค เดลานีย์ อดีตแบ็กขวาวิลลาที่ปัจจุบันเป็นโค้ชทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ได้รับมอบหมายจากสมิธให้คุมทัพลงสนามแทน โดยที่มีการเรียกตัวผู้เล่นเท่าที่มีเหลือให้ใช้มาอย่างเร่งด่วน (เพราะตัวดาวรุ่งระดับท็อปหลายรายก็ต้องถูกกักตัวด้วยเนื่องจากซ้อมกับทีมชุดใหญ่) มีการวิดีโอคอลมาให้คำแนะนำและให้กำลังใจจากผู้จัดการทีมและผู้เล่นชุดใหญ่ เพื่อปลุกขวัญและปลอบใจเด็กๆ ที่ต้องลงสนามเจอกับแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูล (ผู้แบกความแค้นมาเต็มอก)

ในวันแข่งขัน ด้วยความที่มีเด็กหลายคนที่ยังขับรถเองไม่ได้ ทำให้ผู้ปกครองต้องมาส่งถึงสนาม!

แต่เมื่อถึงเวลาลงเล่นจริง เด็กๆ ทุกคนได้สร้างความประทับใจให้แก่แฟนฟุตบอลทั่วโลก เมื่อพวกเขาต่อสู้กับลิเวอร์พูลได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ทั้งๆ ที่โดนยิงประตูนำข่มขวัญไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม แต่สุดท้ายมาไล่ตีเสมอได้สำเร็จจากการหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงของ ลูอี แบร์รี ไอ้หนูดาวรุ่งที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน

แม้สุดท้ายพวกเขาจะพ่ายลิเวอร์พูลไป 1-4 เพราะชั้นเชิง ประสบการณ์ กำลังวังชา (หลายคนวิ่งจนตะคริวขึ้น) สู้ไม่ได้ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำไปตลอดกาล

ไม่เฉพาะกับพวกเขา แต่รวมถึงแฟนบอลทุกคนที่จะไม่ลืมภาพนักเตะสิงห์ผยองน้อยยืนใส่ชุดวอร์มถือเสื้อนักเตะลิเวอร์พูลและกล่องพิซซ่า ถ่ายรูปหน้ารถตู้ของสโมสรที่ไปส่งพวกเขากลับบ้านในคืนนั้น

ภาพ: @crawleytown / Twitter

กุนซือปากตะไกรที่ล้ม มาร์เซโล บิเอลซา ได้

น้อยคนจะรู้จักครอวลีย์ ทาวน์ สโมสรเล็กๆ ในระดับลีกทู หรือดิวิชันที่ 4 ของอังกฤษ แต่คนทั่วโลกรู้จัก จอห์น เยมส์ ผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ มากกว่าเสียอีก

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสไตล์การให้สัมภาษณ์แบบขวานผ่าซาก พูดตรงๆ ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมของเขาหลังทีมแพ้เอ็กซ์เตอร์ ซิตี้ ที่กลายเป็นคลิปไวรัลในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งก็เลยมีคนจับเอามาเป็นจุดขายในการเจอกับ ‘El Loco’ หรือคนบ้าอย่าง มาร์เซโล บิเอลซา ยอดกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งของวงการในเวลานี้ จากสไตล์การเล่นของลีดส์ ยูไนเต็ด ที่บุกอย่างเดียวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

พูดง่ายๆ คือน่าจะมีคนอยากรอฟังคำสัมภาษณ์ของเยมส์ หลังทีมของพวกเขาแพ้ ว่าจะมีอะไรให้เป็นไวรัลได้อีกไหม

เพียงแต่เมื่อถึงคราวต้องลงสนามจริงปรากฏว่า ครอวลีย์ ทาวน์ ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง เพราะถึงลีดส์จะใช้ผู้เล่นทีมสำรองเสียส่วนมาก แต่ไม่มีใครคิดว่าทีมของบิเอลซาดจะเสียท่าโดนทีมของกุนซือปากปีจออย่างเยมส์ต้อนไปถึง 3-0!

บทสัมภาษณ์หลังเกมจึงไม่มีประโยคเด็ดเผ็ดร้อนจากปากกุนซือครอวลีย์ แต่มันก็มีอะไรให้ยิ้มดี

“ผมรู้สึกจะทำให้ตัวเองมีปัญหานิดหน่อย” เยมส์กล่าวหลังชัยชนะ “ผมดันบอกให้เด็กๆ ออกไปพักผ่อนกันอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เราออกไปไหนกันไม่ได้!”

“แต่ถ้าเราจะไม่ได้มีความสุขไปกับค่ำคืนแบบนี้ มันจะมีความหมายอะไร เราทุกคนควรที่จะใช้ทุกช่วงเวลาอย่างมีความหมายมากที่สุด ทุกคนเคยเสียใจในเกมฟุตบอล เราต่างมีช่วงเวลาที่เลวร้ายมากกว่าช่วงเวลาที่ดี ดังนั้นไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการได้ชัยชนะ

“การเดินเข้าห้องแต่งตัวและได้เห็นทุกคนมีความสุข มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุด พวกเขาสมควรที่จะได้มีช่วงเวลาแบบนี้”

เหมือนที่สตาฟฟ์ของครอวลีย์ชนกระป๋องเบียร์กันหลังจบเกมใกล้อุโมงค์สนาม ก่อนที่เสียงแตรรถจะดังระงมไปทั่วทั้งเมืองซัสเซ็กซ์

ชัยชนะนี้สวยงามที่สุดแล้วในชีวิตของพวกเขา

ภาพ: whatnews2day.com / Website

ชายผู้นอนกลางสนามทั้งคืนเพื่อทุกคน (และเพลงฉลองชัยชนะของ อเดล)

โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายสโมสรในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงดาร์บี เคาน์ตี สโมสรในระดับเดอะแชมเปียนชิป ที่มี เวย์น รูนีย์ เป็นผู้จัดการทีมอยู่

รูนีย์และลูกทีมของเขาต้องกักตัว ไม่สามารถลงแข่งในเกมเอฟเอคัพที่ไปเยือนทีมชอร์ลีย์ สโมสรฟุตบอลนอกลีก (เช่นเดียวกับมารีน) ได้ และต้องใช้ผู้เล่นเยาวชนในการลงเล่นเหมือนแอสตัน วิลลา ที่เจอกับลิเวอร์พูล

แต่สำหรับชอร์ลีย์เอง พวกเขาก็เจอความยากลำบากเหมือนกัน เมื่อสนามเล็กๆ ของพวกเขาถูกหิมะปกคลุมในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ

แย่กว่านั้นคือหนึ่งในเครื่องทำความร้อนใต้สนามดันเกิดเสียขึ้นมาก่อนเกมอีก!

ดังนั้นก่อนจะคิดถึงเรื่องอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชอร์ลีย์คือการทำให้สนามอยู่ในสภาพที่พร้อมก่อนแข่ง และมันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ เบน เคย์ เจ้าหน้าที่ดูแลสนามของสโมสร

ในคืนวันศุกร์ก่อนแข่ง 1 วัน เจมี เวอร์มิจลิโอ ผู้จัดการทีมชอร์ลีย์ โทรหาเคย์ถึงความพร้อมของสนาม

“ผมโทรหาเขา เขาบอกผมว่า มีโอกาส 50-50” เวอร์มิจลิโอเล่าให้ฟัง

จากนั้นในช่วง 6 โมงเช้า ผู้จัดการทีมที่ร้อนรนได้เฟซไทม์ไปหา เบน เคย์ อีกครั้งเพื่อจะเช็กอีกหนก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกันดี ปรากฏว่า มีใครสักคนที่รับสายแทน

เพราะ เบน เคย์ ที่ดูแลสภาพสนามอยู่ทั้งคืนนั้นผลอยหลับอยู่กลางสนามหญ้าที่หนาวเหน็บ โดยที่สนามนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับใช้แข่งขันได้

สุดท้ายพวกเขา ทีมที่ผลงานห่วยสุดๆในลีก ก็เอาชนะดาร์บีที่ใช้ผู้เล่นเยาวชนได้ 2-0 โดยที่คลิปการฉลองในห้องแต่งตัวหลังจบเกมที่นักเตะในทีมต่างร้องเพลง Someone Like you ของ อเดล ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่ว (และ อเดล แฟนสเปอร์สที่หยุดเล่น Twitter นานแล้ว ยังมาส่งหัวใจตอบให้ด้วย!)

แต่ถ้าจะถามหาฮีโร่ตัวจริง

ไม่มีใครเกิน เบน เคย์ อีกแล้ว!