สำรวจ 4 เกร็ดน่าสนใจ The Childe กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ ‘คิมซอนโฮ’

เรียกว่าเป็นภาพยนตร์แอ็กชันจากเกาหลีใต้ที่น่าจับตามอง สำหรับ The Childe เทพบุตร ล่านรก ผลงานล่าสุดจากผู้กำกับมากฝีมือ พัคฮุนจอง จาก Night in Paradise (2020) พร้อมคว้าตัวนักแสดงมากเสน่ห์อย่าง คิมซอนโฮ มารับบทนำในภาพยนตร์จอเงินครั้งแรก พร้อมพลิกบทบาทเป็นนักฆ่าสุดโหด ร่วมกับ 3 นักแสดงมากฝีมืออย่าง คังแทจู, คิมคังอู และ โกอารา

THE STANDARD POP จึงถือโอกาสรวมเกร็ดน่าสนใจของ The Childe เทพบุตร ล่านรก มาให้ทุกคนได้อุ่นเครื่อง ก่อนไปร่วมออกล่าสุดโหดกับคิมซอนโฮพร้อมกัน 27 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

1. The Childe เมื่อนักมวยหนุ่มถูกนักฆ่าปริศนาตามล่า

The Childe เทพบุตร ล่านรก จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ มาร์โก (คังแทจู) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีใต้-ฟิลิปปินส์ ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักมวยที่เดินสายชกในสังเวียนใต้ดินทั่วฟิลิปปินส์ เพื่อหาเงินมารักษาแม่ที่กำลังป่วยหนัก วันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อตามหาพ่อที่ทอดทิ้งเขาไป

แต่เมื่อมาร์โกเดินทางมาถึงเกาหลีใต้ เขากลับถูกกลุ่มนอกกฎหมายตามล่าโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ประธานฮัน (คิมคังอู) ทายาทมหาเศรษฐีที่จ้องจะหุบสมบัติของพ่อตัวเอง, ยุนจู (โกอารา) หญิงสาวที่มาร์โกเคยพบโดยบังเอิญ และนักฆ่าปริศนาที่รู้จักในฉายา ชนชั้นสูง (คิมซอนโฮ) ที่ไม่เคยทำเป้าหมายของเขาหลุดมือเลยสักครั้ง มาร์โกจึงต้องเอาชีวิตรอดจากเหล่านักฆ่า ไปพร้อมกับตามหาความจริงว่า ‘ทำไม’ เขาถึงกลายเป็นเป้าหมาย

2. พัคฮุนจอง กับเป้าหมายที่อยากสร้างภาพยนตร์แอ็กชันไล่ล่าที่สมจริง พร้อมกับฉายภาพของคนชายขอบที่ถูกเหยียดหยาม

พัคฮุนจองนับว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับมากฝีมือจากเกาหลีใต้ที่เคยฝากผลงานเรื่องเยี่ยมมาแล้วหลายเรื่อง โดยเริ่มต้นจากการรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง I Saw the Devil (2010) ผลงานจากผู้กำกับ คิมจีอุน และเคยได้รับรางวัล Blue Dragon Film Award ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Unjust (2010)

ก่อนที่พัคฮุนจองจะได้ก้าวขึ้นมานั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรกจากภาพยนตร์แอ็กชัน-ประวัติศาสตร์เรื่อง The Showdown (2011) ไม่นานจากนั้นชื่อของพัคฮุนจองก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากภาพยนตร์แนวอาชญากรรมเรื่อง New World (2013) ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง อีจองแจ, ชเวมินชิก และ ฮวางจองมิน มารับบทนำ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม รวมถึง Night in Paradise (2020) ภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์สะเทือนอารมณ์ที่ได้บินลัดฟ้าไปเข้าฉายที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสครั้งที่ 77 จนเรียกได้ว่าพัคฮุนจองคือหนึ่งในผู้กำกับที่ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์และผู้ชมจริงๆ

มาถึงผลงานล่าสุดอย่าง The Childe พัคฮุนจองเริ่มต้นโปรเจกต์นี้จากไอเดียที่เขาอยากจะนำเสนอเรื่องราวของคนชายขอบของสังคมที่ถูกมองข้ามและมักจะโดนเหยียดหยาม ผ่านตัวละครชาวเกาหลีใต้-ฟิลิปปินส์ (Kopino) โดยนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอ็กชันไล่ล่าที่สมจริงชวนลุ้นระทึก และเรื่องราวของตัวละครที่น่าสนใจ เพื่อฉายภาพของเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วที่เลือนลางกว่าครั้งไหน

และโปรเจกต์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากพัคฮุนจองไม่ได้พบกับ คิมซอนโฮ หนึ่งในนักแสดงนำที่กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้

“The Childe เป็นจริงได้เพราะคิมซอนโฮ หากตอนนั้นเขาไม่รับเล่นบทนี้ผมคงยุบโปรเจกต์นี้ทิ้งไปเลย ผมเปลี่ยนชื่อหนังเรื่องนี้จาก Sad Tropical เป็น The Childe ตามตัวละครของคิมซอนโฮ เพราะว่าคาแรกเตอร์นี้โดดเด่นมาก ผมได้เริ่มทาบทามเขา และเขาก็เป็นดาวเด่นของเรื่องนี้จริงๆ” พัคฮุนจองกล่าวถึงบทบาทของคิมซอนโฮ

3. คิมซอนโฮ นักแสดงมากเสน่ห์กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าชื่อของนักแสดงหนุ่มอย่าง คิมซอนโฮ ได้รับการกล่าวถึงจากผู้ชมถึงการแสดงอันโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่เขาได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงในฐานะนักแสดงละครเวทีมายาวนาน คิมซอนโฮก็เริ่มปรากฏตัวในซีรีส์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกใน Good Manager (2017) ก่อนที่ในเวลาต่อมาชื่อของคิมซอนโฮจะเริ่มกลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางจากซีรีส์เรื่อง Catch the Ghost (2019) กับบทบาทของตำรวจรถไฟใต้ดิน รวมถึง 2 ผลงานยอดฮิตอย่าง Start-Up (2020) ในบทบาทของหัวหน้าทีมฮันจีพยอง และ Hometown Cha-Cha-Cha (2021) ในบทบาทของหัวหน้าฮง ที่ทำให้ผู้ชมต่างตกหลุมรักในรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์และความสามารถทางการแสดงที่ยอดเยี่ยม

และสำหรับ The Childe ถือเป็นการรับบทนำในภาพยนตร์ครั้งแรกของคิมซอนโฮ อีกทั้งยังเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญที่แฟนๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ในบทนักฆ่าปริศนาที่เขาทุ่มสุดตัว ทั้งการตัดสินใจพักรับงานอื่นเพื่อมาลุยกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ การพูดคุยกับผู้กำกับพัคฮุนจองอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาให้ตัวละครนี้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมทั้งเข้ารับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้กับทีมสตันท์ เพื่อสามารถแสดงฉากแอ็กชันให้ออกมาสมจริงมากที่สุดอย่างที่ผู้กำกับต้องการ

โดยคิมซอนโฮได้เล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจรับบทนักฆ่าปริศนาครั้งนี้ว่า “ผมอยากให้ผู้ชมมองว่าผมเป็นนักแสดงที่รับบทได้หลากหลาย การสร้างความแตกต่างคือสิ่งที่ผมทำการบ้านหนักที่สุด มันเหมือนมีภาพจำของนักแสดงที่ชื่อคิมซอนโฮในใจแฟนๆ ซึ่งแปลว่าผมอาจไม่สามารถมอบอะไรที่แตกต่างได้ เพราะมันอาจจะทำให้พวกเขาตกใจจนช็อกไปเลย ผมเคยกลัวจนเครียดไปเลยนะ จนผมกลั้นใจตัดสินใจว่าจะเล่นบทนี้ให้แตกต่างจากตัวตนของผมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

4. คังแทจู, คิมคังอู และ โกอารา ร่วมตีบวกให้การออกล่าครั้งนี้ดุเดือดมากขึ้น

นอกเหนือจากชื่อของผู้กำกับพัคฮุนจองและคิมซอนโฮ The Childe ยังเนืองแน่นไปด้วยทีมนักแสดงที่จะมาร่วมออกล่าในครั้งนี้

นำโดย คังแทจู นักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งเคยฝากฝีมือทางการแสดงมาแล้วใน Missing: The Other Side (2020) และ Hello, Me! (2021) โดยครั้งนี้เขาจะมารับบทเป็น มาร์โก นักมวยหนุ่มที่ถูกตามล่าโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเขาได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองจนสามารถเอาชนะนักแสดงที่เข้าร่วมการออดิชันกว่า 1,980 คน และคว้าบทนี้มาได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะต้องเข้าคอร์สฝึกภาษาอังกฤษฉบับเร่งด่วนเพื่อให้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจนเหมือนเป็นภาษาแม่ รวมถึงการฝึกฝนการชกมวย การฝึกซ้อมฉากสตันท์ เพื่อถ่ายทอดบทบาทของมาร์โกออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

พร้อมด้วย คิมคังอู อีกหนึ่งนักแสดงมากฝีมือจาก My Husband Got a Family (2012) และ Woman of 9.9 Billion (2019) มารับบทเป็น ประธานฮัน ที่พร้อมจะทุ่มทุกสรรพกำลังเพื่อออกตามล่ามาร์โกให้สำเร็จ และ โกอารา นักแสดงหญิงจาก Reply 1994 (2013) และ You’re All Surrounded (2014) กับบทบาทของ ยุนจู หญิงสาวปริศนาที่ไม่มีใครรู้เจตนาที่แท้จริงของเธอ

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่คอภาพยนตร์ชาวไทยไม่ควรพลาด นั่นคือการที่ผู้กำกับและทีมสร้างได้เดินทางมาถ่ายทำที่ประเทศไทย เพื่อจำลองเหตุการณ์ภายในเรื่องที่เกิดขึ้นในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยได้เดินทางไปถ่ายทำในสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง เช่น ถนนเจริญกรุง, สนามมวยแถวย่านรังสิต และซอยสุขุมวิท 22 ซึ่งเราต้องมาติดตามกันต่อในโรงภาพยนตร์ว่าฉากแอ็กชันไล่ล่าเหล่านี้จะถูกสร้างสรรค์และนำเสนอออกมาได้อย่างดุเดือดและลุ้นระทึกขนาดไหน

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่: