กลับมาอยู่ในความสนใจของ ‘นักลงทุน’ มากขึ้น สำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ โดยตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำเริ่มกลับเข้าสู่ช่วง ‘ขาขึ้น’ ซึ่งราคาขยับขึ้นมาแล้วราว 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาเคลื่อนไหวในระดับ 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สวนทางกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะคริปโตเคอร์เรนซีที่ราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ในระยะสั้นและกลาง ตลาดมีมุมมองเป็นบวกต่อราคาทองคำมากขึ้น โดยราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นราว 200 ดอลลาร์ จากราคาต่ำสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (1,676 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ เป็นไปตามสถิติที่ราคาทองคำมักจะพักฐานในไตรมาส 4 และไตรมาส 1 จากนั้นจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 และทำราคาสุงสุดในไตรมาส 3
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวก 4 ประการสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำในช่วงนี้ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย
- นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนโยบายทางการเงินของ Fed หลังจากที่ Fed ยืนยันว่าจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อ และตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ราว 1-2 ปี
- นักลงทุนโยกเงินจากตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมาสู่ทองคำ โดยราคาคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มลดความร้อนแรงลง โดยเฉพาะบิตคอยน์ หลังจากนักลงทุนและนักธุรกิจชื่อดังอย่าง อีลอน มัสก์ เริ่มเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อบิตคอยน์
- กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ในทองคำขนาดใหญ่สุดของโลก เข้าทยอยซื้อสุทธิทองคำตลอดเดือน โดยตั้งแต่วันที่ 3-17 พฤษภาคมที่ผ่านมา SPDR เข้าซื้อทองคำสุทธิ 17 ตัน
- ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการเพิ่มอัตราภาษีธุรกิจและการตั้งขาดดุลงบประมาณของประธานาธิบดี โจ ไบเดน
ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องหลังจากที่ทะลุแนวต้านขึ้นมาได้ โดยคาดการณ์ราคาทองคำในไตรมาส 2 ปีนี้ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ต้องผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,899 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ได้ก่อน ในทิศทางกลับกัน หากราคาทองคำย่อตัวในระยะสั้น ประเมินแนวรับสำคัญไว้ 1,829 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นและทำระดับราคาสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่ง เนื่องจากตลาดมีความมั่นใจในสินทรัพย์ทองคำเพิ่ม หลังจากที่รับรู้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะของประเทศเศรษฐกิจหลักซึ่งประกาศออกมาแล้วพบว่ายังไม่ฟื้นตัวนัก รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ที่เริ่มปรับตัวลดลง
ทั้งมองว่าแนวโน้มราคาทองคำยังปรับเพิ่มได้อีก โดยประเมินแนวต้านที่ 1,875-1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังคงมุมมองราคาทองคำสูงสุดปีนี้ที่ระดับ 1,925 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ Let Profit Run สำหรับนักลงทุนที่มีการถือครองทองคำอยู่แล้ว เนื่องจากสัญญาณราคาเป็นขาขึ้น และแนะนำให้ติดตามประเด็นเรื่องเงินเฟ้อและท่าทีของ Fed ในระยะต่อไป
บทวิเคราะห์รายวัน บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด ระบุว่า แถลงการณ์ของ Fed ช่วยลดการคาดการณ์ที่ว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้ออาจบังคับให้ Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด โดยกล่าวว่า มีความพอใจต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษของ Fed ในขณะนี้
ส่วนโรเบิร์ต แคปแลน ประธาน Fed ดัลลัส ย้ำมุมมองว่า เขาไม่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะสูงขึ้นจนกระทั่งถึงปีหน้า สถานการณ์ดังกล่าวกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ให้ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +7.57 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่กองทุน ETF ทองอีกครั้ง ปัจจัยทั้ง 2 อย่างนี้ช่วยหนุนราคาทองคำในระยะสั้น
พิสูจน์อัการ: วรรษมล สิงหโกมล