วันนี้ (6 เมษายน) ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 มีชื่อคนไทย แต่คุณสมบัติอาจจะไม่เหมาะ กระทรวงพาณิชย์จะมีการตรวจสอบอย่างไร ว่า เราได้ตรวจสอบคนไทยแล้ว จากลักษณะมีเหตุผลว่าจะเป็นนอมินี ในทางกฎหมายไทยต้องมีหลักฐานการพิสูจน์ได้ว่าเป็นนอมินีจริง ต้องมีเอกสาร เช่น หลักฐานการเสียภาษี บัญชีเงินฝากว่าคุณมีเงินลงทุนหรือไม่ ที่ตัวประกอบไม่จำเป็นต้องพบตัว จะหลบยังไงก็ตามแต่ถ้าหลักฐานมา ปปง. ดีเอสไอ ต้องสอบสวน แล้วคดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้วที่ดีเอสไอรับแล้ว เชื่อว่าจะมีการตั้งข้อหาในเร็วๆ นี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบผู้ถือหุ้นในปัจจุบันเข้าข่ายผิดอะไรบ้าง เพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือคนจีน นภินทร เผยว่า การจดทะเบียนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 49% เป็นคนจีน 51% ที่คนไทยถือหุ้นถือจริงหรือไม่ นี่คือประเด็นข้อมูลมีผลที่เชื่อว่าเป็นนอมินีจริงๆ เราได้ส่งให้ดีเอสไอ และการติดต่อต้องเอาเอกสารมาประกอบ เอกสารการเงินของผู้ถือหุ้นคนไทยว่ามีเงินจริงหรือไม่ มีรายได้อย่างไร เสียภาษีอย่างไร มีบัญชีเงินฝากแค่ไหน ที่จะสามารถไปหุ้นได้ หลักฐานเหล่านี้เจ้าที่คงเรียกมาตรวจสอบ หากพิสูจน์ได้ว่าไม่มีเงินลงทุนจริงสามารถตั้งข้อหาได้ เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้โดยปราศจากข้อสงสัย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หน้าที่ในการตรวจสอบเป็นของกรมภายใต้กระทรวงหรือของใคร นภินทร กล่าวว่า ตอนนี้เป็นของดีเอสไอ กรมจะส่งข้อมูลให้ทั้งหมด 8 หน่วยงาน และส่งให้ดีเอสไอสรุป เราจะไม่ทำงานก้าวล่วงกัน ส่วนอีก 37 บริษัทที่เชื่อมโยงกันนั้น จะตรวจเช่นกัน กรมพัฒนาการค้าจะตรวจทั้งหมดและจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอและ 13 บริษัทที่เกี่ยวกับไชน่า เรลเวย์ ก็ส่งข้อมูลให้กับดีเอสไอเช่นกัน
จากข้อมูลออกมาเพราะว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทนั้น นภินทร ย้ำว่า ข้อมูลอยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งตั้งข้อสังเกตบริษัทร่วมค้าทั้งหมดของ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ในภาพรวมการยื่นกองทุนต่างๆ ใช้บริษัทร่วมค้า ซึ่งต้องเช็กว่ามีการเกี่ยวข้องอย่างไร ใครถือหุ้นบ้าง