วันนี้ (13 กรกฎาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่า เรายอมรับว่ายังไม่ถึงมติ 376 เสียง แต่เรายังไม่ยอมแพ้ โดยยอมรับว่ามีการกดดันวุฒิสมาชิกจำนวนมาก นอกจากนี้ก็มีวุฒิสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมอีกกว่า 40 คน จึงทำให้จำนวนไม่ตรงตามที่เราคำนวณไว้ แต่เรายังคงไม่ยอมแพ้ และจะใช้เวลาในการหายุทธศาสตร์และรวบรวมเสียงในการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ส่วนการโหวตครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับประธานสภา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยต่อไปใช่หรือไม่ พิธากล่าวว่า ผลโหวตเป็นเช่นนั้น และเราก็ยังคงทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งถัดไปจะมีการปรับยุทธศาสตร์หรือพูดคุยกันอย่างไร พิธากล่าวว่ายังคงเหมือนเดิมตามที่เราได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ แล้ววันนี้ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้มีโอกาสได้อธิบายในรัฐสภา ถึงสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามจะเสนอ มีความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างวุฒิสภา และเพื่อน ส.ส. ด้วยกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคก้าวไกลตั้งเป้าการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้กี่ครั้ง พิธากล่าวว่า ในตอนนี้ขอมุ่งหน้าสู่การลงมติในครั้งที่ 2 โดยให้เป็นสเต็ปๆ ไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงยุทธศาสตร์ที่พรรคก้าวไกลต้องปรับก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป พิธากล่าวว่า ต้องมียุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียง พร้อมทั้งลงรายละเอียดถึงเกิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เนื่องจากพบว่ามีสมาชิกบางท่านเดินทางไปต่างประเทศ หรือแม้แต่การออกนอกที่ประชุมไปก่อน พร้อมยืนยันว่ายังคงไม่ยอมแพ้และรวมเสียงต่อไป ซึ่งทางเราก็เห็นอุปสรรคที่เราเข้าใจ ชื่นชม และพร้อมให้กำลังใจแก่วุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 ท่านที่กล้าหาญและลงมติให้ตามที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการเตรียมใจสำหรับการเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พิธากล่าวว่า ตอนนี้เตรียมใจ เตรียมสมอง และเตรียมแผนสำหรับการโหวตในครั้งที่ 2 เท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ขาดเสียง ส.ว. อีก 60 เสียงนั้น จะทำให้พรรคก้าวไกลลดเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ พิธากล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการอุปมาอุปไมยที่อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงื่อนไข ตามที่เราคิดก็ได้ โดยขอให้รัฐสภาได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เสียก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีโอกาสที่ลดกำแพงบางนโยบาย เช่น มาตรา 112 หรือไม่ พิธากล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา เราได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้อย่างไรเราก็ต้องรักษาคำพูด