วันนี้ (13 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ในการพิจารณานี้ให้รัฐสภาชุดแรกทำหน้าที่สำคัญในการให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นบุคคลซึ่งสมควรพิจารณาให้ที่ประชุมแห่งนี้ได้พิจารณาเป็นสำคัญ ตนต้องกราบเรียนตั้งแต่ตอนแรกว่า พิธาที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีเหตุผลสำคัญ ในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา
เสรีกล่าวว่า เรา (ส.ว.) ก็ถูกกล่าวในถ้อยคำที่รุนแรงมาตลอด ถามว่าเราไม่ให้ความเคารพประชาชนหรือไม่ ก็ต้องเรียนเพื่อนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศให้เข้าใจว่า เราก็ให้ความเคารพ และในการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาก็แยกส่วนจากเสียงพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้ ส.ส. แต่ละพรรคเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งส่วนนั้นจบไปแล้ว ประชาชนเลือกแล้วว่าพรรคไหนได้คะแนนเท่าไร มี ส.ส. มากเท่าไร แต่การทำหน้าที่ในรัฐสภาอย่างนี้เป็นกระบวนการอีกส่วนหนึ่ง
เสรีกล่าวต่อว่า ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เป็นหลักการสำคัญว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นจะต้องไม่มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ ดังนั้น เมื่อจะทำหน้าที่กันในวันนี้ มีวันนัดประชุมรัฐสภา ก็มีกระบวนการที่ให้พี่น้องประชาชนออกมาแสดงเจตจำนงหลายจังหวัดทั่วประเทศ จนผู้สื่อข่าวถามตนว่าไม่กลัวเสียงพี่น้องประชาชนที่อยู่นอกสภาหรือที่สนับสนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี
ตนก็ต้องตอบว่ากลัวประชาชนกลัวมาก กลัวว่าท่านจะเข้าใจผิดว่าวุฒิสภาไม่ให้ความเคารพเสียงของประชาชน แต่ด้วยความเกรงกลัวเสียงสนับสนุนของประชาชนเหล่านั้น เราก็เล็งเห็นว่าการทำหน้าที่ของวุฒิสภาดีกว่านี้ต้องทำหน้าที่เพื่อรักษาปกป้องประเทศ รักษาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นความกลัวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกลัวประชาชนที่มารวมตัวออกกันมามากมายมหาศาล กลัวเสียงที่มาข่มขู่ให้ร้ายพูดจาด่าทอเสียดสีสารพัด เราก็กลัว แต่กลัวน้อยกว่าความรู้สึก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องออกมาปกป้องประเทศ ปกป้องสถาบันฯ ที่เป็นภารกิจสำคัญที่เป็นคนละส่วนของการทำหน้าที่ในรัฐสภา คนละส่วนกับการที่พี่น้องประชาชนได้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว
เสรีระบุว่า ขอทำความเข้าใจว่า วุฒิสภาเคารพเสียงของประชาชน แต่เสียงที่ได้มาไม่ได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคนั้นมา ทำให้ต้องกราบเรียน มิฉะนั้นแล้ว จะถูกต่อว่าต่อขานตลอดว่าไม่เคารพประชาชน ไม่นับถือประชาชน การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาจะต้องทำหน้าที่ตามหลักของมาตรา 272 ที่จะต้องเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ที่กำหนดคุณสมบัติเรื่องห้ามถือหุ้นสื่อ ITV
เสรีย้ำว่า หากเลือกโดยไม่คำนึงถึงเรื่องคุณสมบัติที่มีความปรากฏชัดไปแล้วก็เท่ากับว่าผิดรัฐธรรมนูญ ต้องฝากไว้ในส่วนวุฒิสภาให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ และยืนยันหลักการสำคัญมาโดยตลอดว่าการทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือเข้าไปบริหารประเทศนั้น จะต้องมีพฤติการณ์หรือการกระทำที่แสดงออกอย่างชัดเจนในการที่จะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น ไม่ปกป้อง ไม่เชิดชูสถาบันฯ
เสรีกล่าวต่อว่า หากพูดไปแล้วอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วลุกขึ้นมาพูดว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 จะไม่ดำเนินการ 112 แล้ว ถ้าจะพูดก็พูดมา แต่ตนไม่เชื่ออะไร เพราะตนไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมายาวนานมาถึงปัจจุบัน จะมาพูดแค่คำคำเดียวไม่แก้ 112 แล้ว เพื่อต้องการเป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็คิดว่ามันเป็นการหลอกลวง เมื่อวานพูดอย่างนี้วันนี้พูดอย่างนี้ ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วพรุ่งนี้ไม่กลับมาแก้อีกหรือไม่
สิ่งที่พูดไปทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความไม่ชอบและรู้สึกไม่ดี แต่เป็นหน้าที่ภารกิจสำคัญของความเป็นสมาชิกวุฒิสภา ที่อยู่ในสภาแห่งนี้ ด้วยเสียงกร่นด่าว่าพูดจาด่าทอเสียดสี ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพยำเกรง เราทนมาตลอดเพื่อปกป้องสิ่งซึ่งเป็นเสาหลักของชาติ ความสำคัญ ความมั่นคงของประเทศมาจนถึงทุกวันนี้เราจะต้องอยู่ เพื่อไม่ให้ลุกลามเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย
เสรีกล่าวว่า เสียงในการลงคะแนนมติต่างๆ อยากจะขอกราบเรียนด้วยความเคารพ ว่าเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดที่จะไม่ให้ความเคารพพี่น้องประชาชน หลังจากลงมติไปแล้วถ้าได้เสียงประชาชนสนับสนุนจนได้ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็ยินดี แต่ถ้าหากเสียงไม่ถึงก็ต้องกราบเรียนด้วยความเคารพ ว่าท่านจะต้องไม่แสดงพฤติกรรมการกระทำใดๆ ที่จะปลุกม็อบ ไปเรียกร้องไปดำเนินการใดๆ ให้คนในประเทศนี้ออกมาสนับสนุน ผลักดัน เรียกร้องให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการโหวตเป็นกติกาทางรัฐธรรมนูญ
เสรีกล่าวอีกว่า มีประชาชนมาเรียกท่านนายกฯ พิธา ตนก็เห็นว่าเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน เป็นความรัก เป็นความเชื่อ เป็นความศรัทธา แต่พออยู่ในกระบวนการในการพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ ความประพฤติ ตนไม่อยากเห็นภาพที่พิธาเดินลงพื้นที่ และมีประชาชนมาก้มกราบท่าน ทั้งที่ยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ตนได้คิดว่าสิ่งที่ปรากฏอันเกิดจากการที่ประชาชนเขาอยากจะกราบจริงหรือ หรือจ้างคนมา
เสรีกล่าวว่า คนที่เชียร์พิธา ถ้าฟังแล้วจะเลือกคนที่มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญกระทำการอันเป็นการที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงมาตรา 112 ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะฉะนั้น ขอให้นำเรื่องเหล่านี้ไปพิจารณาก่อนที่จะออกมาชุมนุมเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนช่วยกันสนับสนุนให้เป็นนายกอีกครั้ง
“ผมไม่เห็นด้วยที่คุณพิธาและพรรคก้าวไกลเป็นผู้บริหารประเทศหรือเป็นนายกรัฐมนตรี ขอบพระคุณครับ” เสรีกล่าว