วันนี้ (13 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวอภิปรายตอนหนึ่ง ระบุว่า
การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเลือกประธานาธิบดี หรือการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เหมือนที่กลุ่มบุคคลที่เป็นกองทัพอวตารแก้วสามประการพยายามกดทับบูลลี่ว่านี่คือเสียงข้างมาก ประชาชนเลือกแล้ว ต้องบังคับให้ ส.ว. เลือกด้วย ซึ่ง ส.ว. ทั้งหมดที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างสมบูรณ์มีสิทธิมีคะแนนเสียงเช่นเดียวกับ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง
ดังนั้นการทำหน้าที่ของ ส.ว. จะทำด้วยความซื่อสัตย์ นึกถึงผลประโยชน์ประเทศ โดยเอาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ การเลือกนายกฯ ก็เหมือนกับที่เราเคยปฏิบัติในฐานะที่เป็นสมาชิกรัฐสภาที่ต้องทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย
สมชายกล่าวยืนยันว่า ตลอด 4 ปีที่ทำหน้าที่ ส.ว. ทั้ง 250 คน พิจารณาเรื่องต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีอคติ ไม่มีอามิสสินจ้างใดๆ แต่ปรากฏว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีการใช้สมาชิก ใช้มวลชนบนท้องถนน และกองทัพอวตารในโซเชียลโจมตี ส.ว. แต่ตนจะทำหน้าที่วันนี้ด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
สมชายกล่าวต่อว่า ตนพิจารณาการเลือกนายกฯ จากความซื่อสัตย์สุจริต มีความรอบรู้ มีวิสัยทัศน์ และสร้างแรงบันดาลใจ แต่สิ่งสำคัญคือความมั่นคงของชาติ ตั้งแต่ขอบเขตของรัฐ การปกครอง องค์รัฏฐาธิปัตย์ และหลักนิติธรรม
ตนไม่สบายใจการรณรงค์ของคนบางกลุ่มที่ยังโหยหาอดีตโดยไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ตนอยากบอกว่าอย่าโหยหาอดีตอีกเลย
“ต้องเลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง แล้วบังคับคนทั้งประเทศว่าต้องเห็นด้วย แบบนั้นผิดหลักประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ เรากำลังเข้าสู่การเมืองที่เราอยากเห็นประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เราอยากเห็นความสงบ วันนี้เราเดินเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตยแล้ว อย่าใช้สังคมกดทับ อย่าใช้ประชาธิปไตยแบบฟุ่มเฟือย หรือเลือกพวกข้าเท่านั้นที่ถูก เลือกพวกเอ็งผิด แบบนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าเลือกทางเดินแบบสุดโต่ง สร้างลัทธิสุดโต่งครอบงำเยาวชน ผมในฐานะสมาชิกรัฐสภาพิจารณาแล้วเห็นว่า นายพิธายังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ” สมชายกล่าว
