วันนี้ (4 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้ X (Twitter) รายหนึ่ง โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพจดหมายเปิดผนึกจากอดีตผู้ช่วยหาเสียงถึงกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคก้าวไกลทุกท่าน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเอกสารดังกล่าวได้รับคำยืนยันว่าเป็นจดหมายเปิดผนึกที่ผู้เสียหายถูก ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. เขตจอมทอง กทม. พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศทั้ง 3 คน ร่วมกันทำจดหมายเปิดผนึกขึ้นมา เพื่อส่งถึงกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลจริง ภายหลังจากที่พรรคก้าวไกลมีคำสั่งถึงไชยามพวานให้ออกมาขอโทษสังคมและผู้เสียหาย
โดยใจความในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า ในฐานะอดีตผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อการแสดงออกของ สส. ที่ปรากฏในหน้าข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศและการตัดสินใจของเพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกล
การตัดสินครั้งนี้เต็มไปด้วยคำถามนับไม่ถ้วนทั้งจากผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ซึ่งสร้างความรู้สึก ‘น่าเสียใจ’ เป็นอย่างยิ่ง และในฐานะของอดีตผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล คณะทำงานของพรรคก้าวไกลอย่างเราก็รู้สึกว่าคุ้มค่าไหมกับการเดินทางร่วมกับพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา กับการทำงานเยี่ยงวัวควาย เพื่ออุทิศให้กับอุดมการณ์พรรค และช่วยเหลืองานแก่ผู้แทนฯ ที่เราเชื่อมั่น
อยากให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้ตระหนักสักนิดว่า การล่วงละเมิดทีมงานผู้ช่วยหาเสียงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ และต้องมีหลักฐานมากขนาดไหนจึงจะเหมาะสมกับความผิดจนสามารถขับออกจากพรรคได้
พวกเรายอมละทิ้งหน้าที่การงาน อนาคต และการเติบโตชีวิตตามวัย เพื่อแลกกับอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล ความเชื่อ ความฝัน ที่หวังว่าพวกเราจะได้มีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม โดยการทำงานช่วยเหลือผู้แทนฯ ช่วยหาเสียง ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมของพรรคที่ผ่านมา แต่การแสดงของของผู้แทนฯ คนดังกล่าวและสมาชิกพรรคบางส่วนที่เลือกงดออกเสียงหรือไม่เห็นด้วยกับการขับผู้แทนฯ คนดังกล่าวนั้นท่านคิดดีแล้วจริงๆ หรือ?
สส. 22 คนที่มีมติงดออกเสียงหรือมีมติไม่ขับ สส. ที่สร้างเรื่องควรจะตั้งคำถามกับตัวเองถึงความเหมาะสมของตนเองในการดำรงตำแหน่ง และเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบกับการตัดสินใจดังกล่าวที่สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้แก่พรรค และท่านควรกระดากปากเมื่อท่านได้มีโอกาสพูดที่ใดก็ตามเกี่ยวกับประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศตลอดอายุของการเป็น สส. และหมดวาระ
สุดท้ายนี้บทลงโทษที่สาสมแก่ผู้ที่กระทำการล่วงละเมิด การขับออกจากพรรคหรือการลาออกจาก สส. คงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสักทาง เพราะบาดแผลที่ท่านก่อมันยังคงสร้างความจดจำแก่เหยื่อ และตั้งคำถามว่า “เขาผิดอะไร? ทำไมพรรคที่เขารักจึงทำกับเขาแบบนี้?”
และคงไม่คาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน หากตราบาปอย่าง สส. ผู้ก่อเหตุและ 22 สส. ที่นิ่งเฉยยังมีบทบาทในสภา
“ก้มโค้งจนหลังหัก ขอโทษจนหมดเสียง ก็ไม่สามารถชดเชยอะไรได้”
ความเสียใจที่สุดในชีวิตของผู้เขียนคือการได้มีส่วนร่วมทางตรงหรือทางอ้อมในการส่ง สส. ที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าวได้เข้าไปแปดเปื้อนในสภาอันทรงเกียรติและกินภาษีของประชาชนอันเป็นที่รัก
ขอลงท้ายจดหมายฉบับนี้ด้วยความผิดหวัง และคำหยาบคายที่อยากกล่าวอีกมากมาย
จากผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล