วันนี้ (18 กันยายน) ในการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร วาระหารือแนวทางและขั้นตอนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยได้นัดหมายตัวแทน 3 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ว่าด้วยการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ชี้แจงโมเดล 2 คณะ โดยแบ่งออกเป็นคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน 70 คน จากนั้นนำรายชื่อส่งให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน โดยรัฐสภาแบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เนื่องจากหากคัดเลือกโดยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง อาจเปิดช่องให้บางกลุ่มการเมืองผูกขาดการเลือกได้ และอีกคณะคือสภาที่ปรึกษา หรือคณะผู้แทนประชาชน จากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จำนวน 100 คน
ด้าน จาตุรนต์ ฉายแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า แนวคิดเบื้องต้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะให้มี สสร. ทั้งหมดประมาณ 140 คน โดย 200 คน มาจากประชาชนในแต่ละจังหวัดเลือกตั้งกันมา และส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดให้เหลือ 100 คน โดยการคัด 100 คนนั้น แต่ละจังหวัดจะต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 1 คน ส่วนอีก 40 คน มาจากภาควิชาการ ทั้งคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตัวแทนองค์กรภาคประชาชน ตัวแทนวิชาชีพ และต้องหลีกเลี่ยงการให้เลือกไขว้กัน
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมประชุมในวันนี้ โดยพริษฐ์แจ้งต่อที่ประชุมว่า ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย แจ้งมาว่าติดภารกิจ แต่ได้มีแนวคิดและพร้อมเสนอร่างแก้ไขฯ ในสัปดาห์หน้า แต่คงไม่เหมาะสมที่ตนเองจะเป็นผู้มาเปิดเผย ขอให้รอติดตามข่าวจากการสอบถามของสื่อมวลชน
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากภาคประชาชน, สมาชิกวุฒิสภา (สว.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมติดตามการประชุมด้วย
ณัชปกร นามเมือง ในฐานะตัวแทน Con for All ชี้ว่า คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ปรากฏให้เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ฉบับย่อ ยังไม่เห็นคําวินิจฉัยฉบับเต็ม ว่าถูกตีความว่าอย่างไร ทําให้เกิดภาวะ Dilemma เท่ากับว่า รัฐสภากําลังเป็นประจักษ์พยานว่า ศาลรัฐธรรมนูญกําลังทําเกินอํานาจหน้าที่ที่ท่านมี เพราะท่านไม่มีอํานาจกําหนดว่า ที่มา สสร. จะเป็นอย่างไร เพราะอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีอํานาจในการวินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องไม่ได้ถามด้วย
ณัชปกรระบุด้วยว่า ข้อเสนอเบื้องต้นนี้ อาจเป็นความบังเอิญที่ได้นำเนื้อหาของพรรคประชาชนมาอย่างละนิด และนำของพรรคเพื่อไทยมาอย่างละหน่อย คือให้ประชาชนเลือกตัวแทนทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งให้ประชาชนเลือกตั้งมาทั้งคู่ ด้วยระบบที่ต่างกัน คือการเลือกระดับประเทศ โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อเอื้อแนวคิด และนโยบายที่หลากหลาย มากกว่าการเลือกตามพื้นที่ รวมถึงเพิ่มการเลือกตัวแทนระดับจังหวัดเพื่อถ่วงดุล