แม้จะมีหลายคดีที่สังคมจับตาซึ่งยังล่าช้าและมีเงื่อนงำ แต่ความเคลื่อนไหวก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่เสมอผ่านข้อมูลข่าวสาร มีทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีและเหตุการณ์เชื่อมโยงไปถึง
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของคดีปริศนาต่างๆ เกลื่อนกลาดให้เห็นอยู่ 3 เรื่องใหญ่ๆ ด้วยกัน THE STANDARD จึงขอรวบรวมความเคลื่อนไหวไว้ ณ ที่นี้
ปรับประวิตรพ้นที่ปรึกษาประธานกรรมการต้านโกง ประยุทธ์ยันไม่เกี่ยวนาฬิกาหรู
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งมีการปรับรายชื่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับกรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร ที่เรื่องยังค้างอยู่ในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ขณะที่เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่าไม่มีอะไร แค่แบ่งงานท่านออกมาบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อย่าไปคิดให้เป็นอย่างอื่น
ยืนยันว่าเหตุผลที่ปรับชื่อพลเอก ประวิตร ออกไม่ใช่เพราะเหตุผลเรื่องนาฬิกาหรู เขาตรวจสอบว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร ผ่านไปแล้วกว่า 8 เดือนนับจาก ป.ป.ช. เริ่มทำการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยล่าสุด ป.ป.ช. อ้างว่าเหตุที่ล่าช้าเพราะอยู่ระหว่างรอข้อมูลจากตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา
20 กรกฎาคม 2561 พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เท่าที่รับฟังจากกรรมการ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าขอไม่ได้ แต่เพราะตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเขาไม่มีข้อมูล โดย ป.ป.ช. ได้สอบถามข้อมูลถึงซีเรียลนัมเบอร์ของนาฬิกาเรือนต่างๆ แต่เขาแจ้งว่าไม่มีข้อมูล ไม่ได้ขายนาฬิการุ่นนี้ ดังนั้น ป.ป.ช. จึงต้องขอข้อมูลจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่าต้องเสียเวลา แต่ถ้าไม่ขอไปก็จะไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน
10 เดือน คดีน้องเมยไม่คืบหน้า อวัยวะเสื่อม ตรวจไม่ได้
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ครอบครัวนักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมปีที่แล้ว แถลงขอความเป็นธรรมในคดีหลังผ่านมานานถึง 10 เดือน แต่กลับไม่คืบหน้า
ถ้ายังจำกันได้ หลังน้องเมยเสียชีวิตได้นำร่างส่งตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก ตรวจหาสาเหตุการตายโดยใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผลการตรวจพบว่าเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ระหว่างนี้พ่อและแม่ผู้เสียชีวิตได้มีการนำร่างบุตรชายไปให้แพทย์ชันสูตรใหม่จนพบข้อสงสัยในหลายๆ จุด โดยเฉพาะอวัยวะภายในหลายชิ้นส่วนสูญหายไป
แม้ต่อมาศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้าจะส่งคืนอวัยวะภายในคืนให้ครอบครัวโดยอ้างว่าเก็บไว้เพื่อชันสูตรเพิ่มเติม แต่ล่าสุดครอบครัวน้องเมยออกมาเปิดเผยว่า
ความคืบหน้าของคดีตอนนี้ไปตันอยู่ที่ผลการตรวจพิสูจน์อวัยวะและชิ้นเนื้อดีเอ็นเอ เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าอวัยวะดังกล่าวที่แพทย์ให้กับครอบครัวมานั้นใช่อวัยวะของน้องเมยหรือไม่
ทำให้แพทย์ก็ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ เนื่องจากขาดอวัยวะสำคัญ ตอนนี้ทางครอบครัวได้ทำหนังสือต่อแพทยสภาให้ตรวจสอบการทำงานของกองพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่าการผ่าอวัยวะและเก็บรักษาอวัยวะของน้องเมยนั้นทำถูกตามมาตรฐานหรือไม่ และตรวจสอบว่าใช่อวัยวะของน้องเมยหรือไม่
1 ปี 4 เดือน วิสามัญ ชัยภูมิ ป่าแส กับภาพกล้องวงจรปิดหายปริศนา
ช่วงเช้าของวันที่ 17 มีนาคม 2560 ณ ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ในอำเภอเชียงดาว ชัยภูมิถูกวิสามัญฆาตกรรมด้วยปืน M16 พร้อมถูกตั้งข้อหาครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด
ข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐ ชัยภูมิคือผู้ค้ายาเสพติดที่ขัดขืนการจับกุม แต่หลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น สื่อมวลชนหลายสำนักลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า โดยพยานสำคัญที่ทำให้คดีนี้ถูกตั้งข้อสังเกตมากที่สุดคือชาวบ้านในที่เกิดเหตุที่ให้สัมภาษณ์กับ ThaiPBS ทหารลากชัยภูมิออกมาซ้อม เหยียบหน้าไว้ แล้วยิงขู่สองนัด พอหลุดจากที่ทหารซ้อมแล้ววิ่งหนีไป ทหารก็ไล่ยิง โดยชาวบ้านไม่เห็นภาพการต่อสู้ขัดขืน เพียงแต่เห็นทหารลากคนลงมาซ้อม
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องนี้ พร้อมกล่าวว่าตนไปดูที่กล้อง CCTV พบว่าเป็นการจับกุมตามปกติ ค้นรถธรรมดา ทหารไม่ได้ติดอาวุธ มีแต่ชุด รปภ. ถืออาวุธปกติเวลาเข้าเวรยาม จึงช่วยนายชัยภูมิขัดขืนต่อสู้
“ปกติการตัดสินใจของพลทหาร ถ้าเป็นผมในเวลานั้นอาจกดออโต้ไปแล้วก็ได้ พอหันมาแล้วทำท่าขว้าง แต่เจ้าหน้าที่ยิงแค่นัดเดียว”
ถัดมาไม่กี่วัน 28 มีนาคม 2560 พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกล้องวงจรปิดว่าได้ดูภาพดังกล่าวแล้ว แต่ยังบอกไม่ได้ว่าใครผิด
แต่ล่าสุด ภาพกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญหายไปอย่างปริศนา โดยเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ทนายความได้เผยแพร่จดหมายตอบกลับจากสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ระบุว่าไม่พบข้อมูลใดๆ ที่บันทึกเหตุการณ์วันที่ 17 มีนาคม 2560
“เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 กองกำลังผาเมืองได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมดำเนินการเปิดดูข้อมูลภาพเหตุการณ์ของวันที่ 17 มีนาคม 2560 แต่ภาพในเครื่องบันทึกข้อมูลเป็นภาพของวันที่ 20-25 มีนาคม 2560 ไม่มีภาพของวันที่ 17 มีนาคม 2560 เนื่องจากเป็นระบบบันทึกซ้ำอัตโนมัติของเครื่อง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทดลองทำสำเนาไฟล์ข้อมูลในช่วงวันที่ 17 มีนาคม 2560 ห้วงเวลา 10.00-10.10 น. เพื่อเปิดดู แต่ก็ไม่พบภาพข้อมูลใดๆ ของวันที่ 17 มีนาคม 2560 จึงไม่ได้เก็บสำเนาไฟล์ดังกล่าว เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ”
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
พลตรี ปัณณทัต กาญจนะวสิต
เลขานุการกองทัพบก
บางคดีดูไม่คืบหน้า ขณะที่บางคดีดูไร้ความหวัง แต่ถ้าสังคมเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เชื่อว่าคดีเหล่านี้คงไม่เงียบหายไปง่ายๆ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์