วันนี้ (8 กันยายน) พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณีเหตุคนร้ายอุกอาจเหิมเกริม ยิงสารวัตรตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในบ้านพักกำนัน พื้นที่ตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม แล้วปรากฏภาพของตำรวจ 25 นายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในที่เกิดเหตุ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมนั้น
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน โดยประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนทีมงาน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชุดทำงานตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นาย มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
พล.ต.ท. อาชยน กล่าวว่า พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ เน้นย้ำว่าต้องตรวจสอบความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่มีการปล่อยให้ผู้กระทำผิดหลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล รวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบทุกมิติ หากพบว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความผิดอาญาหรือวินัย ให้ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการดำเนินคดี ประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ประชาชนให้ความสนใจ มีความยุ่งยากซับซ้อน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีอิทธิพลในพื้นที่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ได้สั่งการให้โอนคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทำการสอบสวนในความผิดของกำนันนก และหากตรวจพบความผิดอื่นก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมทั้งการขยายผลดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท. อาชยน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ยังสั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั่วประเทศ กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝึกฝนยุทธวิธีตำรวจ การใช้อาวุธ เครื่องป้องกันตัว ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน และสั่งกำชับความประพฤติข้าราชการตำรวจ มิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่เข้าไปคบค้าสมาคม หรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องใกล้ชิดผู้มีอิทธิพลในลักษณะที่เข้าข่ายจะมีผลให้สามารถนำไปกล่าวอ้างในลักษณะที่ไม่สมควรได้
โดยกำชับให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบหรือปรากฏข้อมูลว่ามีข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดความเสียหาย กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวม ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการตำรวจดังกล่าว ตามคำสั่ง ตร. ที่ 1212/2537 ด้วย