ปี 2024 นับเป็นอีกปีแห่ง ‘การเปลี่ยนผ่าน’ สำหรับภาคธนาคารไทย หลังจากธนาคารหลายแห่งพากันเร่งลงทุน และปรับใช้ (Adopt) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้า และพัฒนาศักยภาพขีดการแข่งขัน ท่ามกลางเทรนด์ ‘ใครมีโมเดล AI เก่งกว่า คนนั้นชนะ’
แบงก์ไทยเร่งลงทุน AI
ตั้งแต่ต้นปี ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยต่างประกาศลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยี AI โดยเม็ดเงินที่ประกาศออกมารวมกันมากกว่า 730 ล้านดอลลาร์ (หรือราว 25,550 ล้านบาท)
ตัวอย่างเช่น KBTG ตั้งกลยุทธ์พัฒนาศักยภาพองค์กร ภายใต้ AI Human-first x AI-first Transformation ผ่านการลงทุนทางด้านยุทธศาสตร์ไอทีด้วยงบประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท, SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนใน Guardrails AI มูลค่า 7.5 ล้านดอลลาร์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุ่ม 15,000 ล้านบาท พัฒนาระบบ IT และดิจิทัลโซลูชัน เป็นต้น
ใช้ AI ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า-ขับเคลื่อนองค์กร
สำหรับการเร่งใช้ AI ของธนาคารในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน และประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร
ตัวอย่างเช่น SCB เปิดตัว 3 นวัตกรรม AI ได้แก่ AI อนุมัติสินเชื่อรายย่อย, บริการ AI Advisory Chatbot และบริการ My Alert ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา รุกหนักพัฒนา AI เพื่อประยุกต์ใช้งานในองค์กร ได้แก่ การใช้ AI ในการประเมินมูลค่าคอนโด เพิ่มประสิทธิภาพการเติมเงินสดสำหรับตู้ ATM พร้อมทั้งแชตบอตสำหรับพนักงานอำนวยความสะดวกค้นหาข้อมูลภายในองค์กร
ขณะที่ CIMB Thai ก็ประกาศดันกลยุทธ์ AI-Driven Organization และ ttb ที่ยกระดับ ‘ยินดี-Yindee’ ผู้ช่วยเสมือน ด้วยการผสาน Gen AI ให้เข้าใจมนุษย์ลึกซึ้งขึ้น เป็นต้น
แข่งเปิดตัว LLM
นอกจากนี้ ธนาคารหลายแห่งยังเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการพัฒนา LLM ในปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ไต้ฝุ่น (Typhoon) ของ SCB 10X ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาช่องว่างทางภาษา โดยประสิทธิภาพเทียบเท่า ChatGPT 3.5 ในเวอร์ชันภาษาไทย
THaLLE (ทะเล) ของ KBank โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาให้มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านภาษาไทยและด้านการเงินโดยเฉพาะ ครอบคลุมเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านสอบระดับ CFA (Chartered Financial Analyst)
ทั้งนี้ LLM (Large Language Model) คือโมเดล AI ภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการฝึก เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจและสร้างข้อความที่ซับซ้อน รวมถึงตอบคำถาม แก้ปัญหา และสร้างเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
‘ใครมีโมเดล AI ที่เก่งกว่า’ คนนั้นชนะ
จากผลสำรวจของ IBM ในปีนี้ พบว่า 66% ของผู้บริหารวงการธนาคารมีความเห็นเหมือนในทำนองเดียวกันว่า ธุรกิจการเงินมีโอกาสที่จะสร้างประโยชน์และยกระดับประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญมาก จนธุรกิจการเงินต้องยอมเสี่ยงนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
อีกทั้ง 57% ของผู้บริหารที่ถูกสำรวจมองว่า จุดแข็งของธุรกิจเทียบกับคู่แข่งจะอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ‘ใครมีโมเดล AI ที่เก่งกว่า’
สำหรับแนวโน้มการใช้งาน AI ในปีหน้า John Duigenan ผู้บริหารระดับสูงของ IBM มองว่าธีมการทำธุรกิจของธนาคารในยุคของ AI คือการทำให้แผนกต่างๆ ในองค์กรเข้าถึงการใช้งาน AI ได้มากขึ้น โดยคีย์เวิร์ดสองอย่างคือ ‘การขยายและการทำซ้ำ’ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการทำงาน การสร้างนวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้น และประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม John เตือนว่า “การนำ AI มาใช้ต้องใช้บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น ธนาคารต้องให้ความสำคัญกับการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและโปร่งใส เพราะในท้ายที่สุดความสำเร็จของ AI ในวงการธนาคารจะขึ้นอยู่กับมูลค่าทางธุรกิจที่จับต้องและวัดผลได้”
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร