×

รู้จัก 2 ตัวเต็งเก้าอี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ พวกเขาคือใครและมีวิสัยทัศน์อะไร

16.03.2025
  • LOADING...
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

การสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 ท่าน คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน และ 26 พฤศจิกายน 2567 ตามลำดับ 

 

การพ้นจากตำแหน่งตามวาระนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ซึ่งมาตรา 19 ของ พ.ร.ป. ฉบับเดียวกัน กำหนดให้ดำเนินการสรรหาตุลาการใหม่ภายใน 120 วันก่อนวันที่ตุลาการครบวาระ

 

กระบวนการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการโดยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีองค์ประกอบจากบุคคลในหลายภาคส่วน รวมถึงบุคคลซึ่งองค์กรอิสระแต่งตั้งขึ้น ประกอบด้วย 

 

  • ประธานศาลฎีกา (ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล)
  • ประธานสภาผู้แทนราษฎร (วันมูหะมัดนอร์ มะทา)
  • ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ)
  • ประธานศาลปกครองสูงสุด (ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ) 
  • สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) แต่งตั้ง อรรถยุทธ ศรีสมุทร
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่งตั้ง ชาญนะ เอี่ยมแสง
  • สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แต่งตั้ง เจษฎา กตเวทิน
  • สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่งตั้ง สุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์

 

นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

ในการถ่ายทอดสดคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์

เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่สำคัญ 

ณ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

 

คณะกรรมการสรรหาฯ มีหน้าที่สรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม

เมื่อปิดรับสมัครแล้ว คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ประวัติ และพฤติการณ์ของผู้สมัครจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก รวมแล้วเกือบ 50 หน่วยงาน จากนั้นในการคัดเลือก คณะกรรมการฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การแสดงความคิดเห็นหรือการสัมภาษณ์ผู้สมัคร และต้องลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยให้แต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือกไว้ด้วย 

 

ผู้ที่จะได้รับการสรรหาเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งนั้น ต้องได้รับคะแนนเสียงถึง 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะกรรมการสรรหาฯ

 

สิริพรรณ-ชาตรี เข้ารอบสุดท้าย

 

ผลการลงคะแนนในรอบแรกปรากฏว่ามีผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน ได้แก่ สิริพรรณ นกสวน สวัสดี และ ชาตรี อรรจนานันท์ 

 

สำหรับ ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วม 25 ปี มีความเชี่ยวชาญและสนใจด้านสถาบันการเมือง สิทธิเสรีภาพ และรัฐธรรมนูญ โดยได้รับการคัดเลือกจากกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ 

 

 

สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ: ศวิตา พูลเสถึยร

 

ด้าน ชาตรี อรรจนานันท์ เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก และอธิบดีกรมการกงสุล ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำคำแปลรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยการรัฐประหาร มีส่วนร่วมในการจัดทำกฎบัตรอาเซียน และเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ โดยได้รับการคัดเลือกจากกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิที่รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

 

ชาตรี อรรจนานันท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

 

ต่อไปนี้เป็นบางช่วงตอนของบันทึกการแสดงวิสัยทัศน์และการสัมภาษณ์ของทั้ง 2 บุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมการสรรหาฯ ตามที่บันทึกใน รายงานการพิจารณาสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (แทนตำแหน่งที่ว่าง) ของคณะกรรมการสรรหาฯ จัดทำโดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

 

โดยแต่ละคนมีเวลาในการแสดงวิสัยทัศน์ 10 นาที และ ตอบข้อซักถาม 10 นาที 

 

สิริพรรณ: ศาลเพื่อสิทธิมนุษยชน ประชาชนเอื้อมถึง

 

ศ. ดร.สิริพรรณ อธิบายถึงบทบาทสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ โดยแยกเป็น 2 แกนหลัก ได้แก่ หน้าที่และอำนาจ 

 

หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย 

 

  1. พิทักษ์สถาบันหลักของประเทศ 
  2. รักษามาตรฐานและความสง่างามของระบบการเมือง 
  3. สร้างความเชื่อมั่นของประชาชน 

 

ส่วนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย 

 

  1. กำหนดความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 
  2. ยืนยันสิทธิเสรีภาพของประชาชน การพิจารณาคดีต้องอ้างอิงมาตราในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด และการตีความต้องอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจเกินขอบเขต
  3. เร่งรัดกระบวนการวินิจฉัย คำตัดสินต้องออกมาโดยเร็ว ไม่ให้เกิดช่องว่างทางการเมือง และต้องทำงานร่วมกับองค์กรอิสระอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 
  4. ขยายบทบาทสู่ประเด็นสิทธิมนุษยชน ศาลรัฐธรรมนูญไทยยังไม่ได้มีบทบาทมากนักในการปกป้องสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน เมื่อเทียบกับศาลรัฐธรรมนูญของประเทศอื่น เช่น อินเดีย ที่เคยตีความรัฐธรรมนูญให้คุ้มครองอาชีพของผู้ให้บริการทางเพศ และปรับกฎหมายเกี่ยวกับการฆ่าวัวให้สอดคล้องกับบริบททางสังคม 
  5. ตรวจสอบการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญเอง ปัจจุบันกระบวนการตรวจสอบศาลและองค์กรอิสระถูกยกเลิก ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 การปฏิรูประบบตรวจสอบในอนาคตจึงเป็นสิ่งจำเป็น

 

เจษฎา กตเวทิน คณะกรรมการสรรหาฯ ที่แต่งตั้งโดย กสม. ตั้งคำถามถึงการตรวจสอบประเด็น ‘ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’ ว่าควรต้องพิจารณาแบบกว้างหรือแบบแคบ ควรใช้อะไรเป็นเกณฑ์ชี้วัด

 

ศ. ดร.สิริพรรณ มีความเห็นว่า ประเด็น ‘ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’ ควรพิจารณาจากพฤติกรรมในอดีต และต้องมีมาตรฐานชัดเจน โดยเฉพาะคำว่า ‘เป็นที่ประจักษ์’ ควรอิงจากคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาในอดีต อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีคำวินิจฉัยของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่ามีความย้อนแย้งพอสมควร

 

“ในด้านหนึ่ง ศาลใช้คำว่า ขาดความรอบคอบ แต่ว่าในที่สุดแล้ววินิจฉัยว่า ขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งรู้สึกกังวล กล่าวคือ เป็นสิ่งที่คิดว่าการตีความเรื่องคุณธรรมจริยธรรมเป็นเรื่องที่ควรจะต้องมี หลักการและมาตรฐานเดียวกันที่ชัดเจน” ศ. ดร.สิริพรรณ ระบุ

 

บรรยากาศสื่อมวลชนติดตามทำข่าวที่บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

 

ชาตรี: ยกระดับศาลในเวทีสากล ยึดหลักนิติธรรม

 

ชาตรี อรรจนานันท์ ได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบ “ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย นำพาประเทศโดยหลักนิติธรรม เพื่อความเป็นธรรม ถ้วนหน้า พัฒนายกระดับองค์กรในเวทีสากล” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

 

1. เขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญไทยมีอำนาจหลัก 4 ประการ ได้แก่ 

  • ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย 
  • วินิจฉัยอำนาจหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ 
  • คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน 
  • พิจารณาคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 

 

2. การใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไทยรับมาจากต่างประเทศ โดยไม่มีนิยามชัดเจนในกฎหมายไทย แต่เปิดโอกาสให้ศาลนำคุณค่าสากลเข้ามาปรับใช้ เช่น หลักประชาธิปไตยที่คำนึงถึงเสียงข้างน้อย 

 

3. ระบบนิติวิธีและการตีความกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญแตกต่างจากศาลยุติธรรมในแง่แนวทางการตีความกฎหมาย โดยศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้มาตรา 5 วรรคสอง ที่กำหนดให้พิจารณาประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรง ซึ่งเปิดโอกาสให้ศาลมีดุลยพินิจมากขึ้น 

 

4. งานบริหารและการพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากบทบาทตุลาการแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังต้องบริหารองค์กร ซึ่งขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น จึงควรพัฒนาบุคลากรโดยให้มีการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนความรู้กับหน่วยงานยุติธรรมอื่นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงขยายความร่วมมือกับเครือข่ายศาลรัฐธรรมนูญระดับสากล 

 

ชาตรีเสนอว่า กระบวนการยื่นฟ้องของประชาชนต่อศาลรัฐธรรมนูญควรได้รับการแก้ไขให้สะดวกขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน การฟ้องร้องต้องผ่านองค์กรตัวกลาง เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือสำนักงานอัยการสูงสุด ต่างจากประเทศเยอรมนี ที่ประชาชนสามารถฟ้องโดยตรง แม้คดีที่ได้รับการพิจารณาจะมีจำนวนน้อย แต่ก็ถือเป็นการเปิดช่องให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้ง่ายขึ้น 

 

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะกรรมการสรรหา แสดงความกังวลว่า การเปิดให้ประชาชนฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น อาจนำไปสู่การใช้สิทธิในทางที่ผิด เช่น การฟ้องร้องเพื่อตบทรัพย์ หรือเพื่อทำลายชื่อเสียงทางการเมือง เพราะเมื่อศาลรับคำร้องแล้ว แม้สุดท้ายจะยกฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาก็อาจได้รับความเสียหายไปแล้ว 

 

ชาตรีเห็นด้วยว่าการเปิดทางให้ประชาชนฟ้องได้โดยตรงจำเป็นต้องมีเกณฑ์คัดกรองที่เหมาะสม เช่น การกำหนดขั้นตอนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตรวจสอบคำร้องก่อนรับฟ้อง เพื่อป้องกันการใช้ศาลเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือแสวงหาผลประโยชน์ 

 

“แต่ศาลรัฐธรรมนูญไทย ยังตีความค่อนข้างเคร่งครัด คือ ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น ผมเข้าใจว่าศาลรัฐธรรมนูญ ชุดปัจจุบันก็พยายามตีความแบบขยายความว่า มาตรา 213 ตีความอย่างไรให้กว้างเพื่อจะช่วย ประชาชนที่ผ่านมามีไม่กี่คดีที่ศาลรับ นอกนั้นศาลยกหมด” ชาตรีระบุ

 

ในวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ รายชื่อของ 2 บุคคลที่คณะกรรมการสรรหาฯ พิจารณาว่าสมควรได้รับตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะถูกส่งให้ สว. พิจารณาและลงมติในการประชุมลับ ว่าจะเห็นชอบให้บุคคลทั้ง 2 ดำรงตำแหน่งหรือไม่ 

 

ถึงแม้ว่าบางฝ่ายจะเสนอให้ชะลอวาระดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจาก สว. ชุดปัจจุบัน กำลังถูกตรวจสอบเรื่องกระบวนการเลือก สว. ที่ไม่สุจริตโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ กกต. และเกรงว่าหากลงมติแต่งตั้งตำแหน่งในองค์กรอิสระไป อาจส่งผลกระทบระยะยาว ซึ่งหากเกิดกรณีนั้นขึ้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบันก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะคนใหม่จะได้รับเลือก

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising