“ความร่วมมือที่เข้มแข็ง คือเสาเข็มอันมั่นคงให้องค์กรยืนหยัดอย่างยาวนาน”
(ซ้าย) จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสหกรณ์ของเกษตรกรโคนม 9 คน ที่ซื้อกิจการโรงงานชีสใน Dutch Wieringerwaard
(ขวา) Jacques Senden สมาชิกเกษตรกรผู้ถือหุ้นของฟรีสแลนด์คัมพิน่า ในเมือง Vaals ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษนี้ ด้วยการเชิญธง 150 ปี ฟรีสแลนด์คัมพิน่าขึ้นสู่ยอดเสาในฟาร์มโคนมของเขา
ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1871 หรือ 150 ปีที่แล้ว ท่ามกลางฉากหลังที่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใสของประเทศเนเธอร์แลนด์ เกษตรกรโคนม 9 คน ได้ร่วมมือกันสร้างชุมชนฟาร์มโคนมที่เข้มแข็ง โดยเริ่มต้นจากการรวมตัวกันซื้อโรงงานชีส เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่ชุมชน จากนั้นมีจำนวนสมาชิกร่วมอุดมการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงพัฒนาและขยับขยายกิจการที่เกี่ยวข้องกับโคนมมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถก่อตั้งเป็นสมาคมเพื่อการพัฒนาการเกษตรในฮอลแลนด์ทางตอนเหนือ (Vereeniging tot Ontwikkeling van den Landbouw in Hollands Noorderkwartier) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและมีประวัติมาอย่างยาวนานในชื่อ ‘สหกรณ์โคนมฟรีสแลนด์คัมพิน่า ยู.เอ. (Zuivelcoöperatie FrieslandCampina U.A.)’ ก่อนจะนำมาสู่การเป็นฟรีสแลนด์คัมพิน่าในปัจจุบัน ที่มีสมาชิกเกษตรกรกว่า 17,000 ราย และมีพนักงานมากกว่า 23,000 คนอยู่ทั่วทุกมุมโลก
มากกว่า 1 ศตวรรษของการเดินทางสู่สถานะองค์กรระดับโลก ฟรีสแลนด์คัมพิน่าจึงเต็มไปด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์เข้มข้นที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนานจากบรรพบุรุษ และเห็นได้ชัดว่า นี่คือองค์กรที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่เข้มแข็ง ซึ่งก็คือหัวใจอันแน่วแน่ของเกษตรกร ที่หมายจะส่งต่อผลิตภัณฑ์จากน้ำนมโคคุณภาพสู่ประชาคมโลก มรดกทางความคิดนี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดหลักขององค์กรที่ว่า ‘จากยอดหญ้าสู่น้ำนมโคคุณภาพ (From Grass to Glass)’ นั่นจึงเป็นคำตอบที่ปัจจุบันฟรีสแลนด์คัมพิน่า ยังคงตั้งใจสนับสนุนเกษตรกรอย่างจริงจัง ประกอบกับมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจชัดเจน และทำกิจกรรมเพื่อสังคมอันหลากหลายต่อมา
ในประเทศไทย ฟรีสแลนด์คัมพิน่าปักหลักเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากเกษตรกรโคนมชาวเนเธอร์แลนด์สู่เกษตรกรโคนมชาวไทย เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์นมโคคุณภาพให้แก่คนไทยมาเป็นเวลามากกว่า 65 ปีแล้ว ภายใต้แบรนด์ ‘โฟร์โมสต์’ ที่เราคุ้นเคยกันดีตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ในเครือ ได้แก่ นกเหยี่ยวฟอลคอน แบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์นมสำหรับผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม และ เดบิค แบรนด์วิปปิ้งครีมนำเข้าจากยุโรป สำหรับเบเกอรีมืออาชีพ ที่เพิ่งเข้ามาเพิ่มเติมในปีนี้ รวมทั้งแบรนด์ เรือใบ และ มายบอย นมข้นที่ผลิตและส่งออกให้แก่ประเทศในกลุ่มอินโดจีน เป็นต้น
แต่ไม่ว่ากาลเวลาผันผ่านนานเท่าไร ความตั้งใจอันแน่วแน่ในการส่งมอบโภชนาการที่ดีจากโคนมที่ว่า ‘จากยอดหญ้าสู่น้ำนมโคคุณภาพ (From Grass to Glass)’ ก็ยังคงหนักแน่นและฉายชัด ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ยิ่งเมื่อผสานรวมกับพันธกิจในการส่งมอบโภชนาการที่ดียิ่งขึ้นจากธรรมชาติ (Nourishing by Nature) ให้แก่ทุกคน จึงเป็นที่มาของการพัฒนากิจกรรมเพื่อสังคมที่อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ในยุคที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงโภชนาการจากสภาวะวิกฤตโรคระบาด ผลักดันให้เกิดโครงการ ‘โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย สู้ภัยโควิด-19’ ด้วยความเชื่อมั่นในน้ำใจของคนไทย รวมกับความเชื่อที่ว่า โภชนาการที่ดีคือรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต อันจะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ โครงการฯ ออกสตาร์ทในเดือนสิงหาคม เดือนแห่งวันแม่ ด้วยความมุ่งหวังให้แม่ๆ ผู้ซึ่งเป็นผู้ให้โดยจิตวิญญาณ ได้ร่วมกันส่งต่อรอยยิ้ม แบ่งปันความสุขสู่ลูกๆ ซึ่งก็คือเยาวชนในเมืองไทย
ภาพการส่งมอบนมบริจาคให้แก่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศไทย จากโครงการ ‘โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย สู้ภัยโควิด-19’
จากการสนับสนุนของผู้บริโภคและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ร้านค้าต่างๆ ทำให้ ‘โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย สู้ภัยโควิด-19’ ได้เข้าถึงน้ำใจของคนไทยทั่วประเทศ และด้วยความร่วมมือของพันธมิตรหลัก อย่างมูลนิธิกระจกเงา ช่วยให้โครงการฯ ได้เปลี่ยนน้ำใจให้กลายเป็นรอยยิ้ม จากการส่งมอบนมยูเอชทีพร้อมดื่ม โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 ที่เต็มเปี่ยมด้วยโภชนาการและสารอาหารที่สำคัญต่อพัฒนาการทางสมองและร่างกายของเยาวชน จำนวนกว่า 1,030,000 กล่อง สู่เด็กในชุมชนต่างๆ 50 ชุมชน ทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 บางครอบครัวมีเด็กที่ต้องการโภชนาการที่ดี แต่ด้วยภาวะยากลำบาก จึงต้องดื่มน้ำข้าวแทนน้ำนมคุณภาพ โดยโครงการนี้แจกจ่ายนมครอบคลุมทั้งแคมป์แรงงานข้ามชาติ ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน โรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ เด็กๆ ในศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทำให้โครงการฯ ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเป็นหมุดหมายเพื่อการต่อยอดสู่กิจกรรมเพื่อสังคมของฟรีสแลนด์คัมพิน่าและโฟร์โมสต์ในปีต่อๆ ไป ถือเป็นความสำเร็จฉลองวาระพิเศษครบรอบ 65 ปี โฟร์โมสต์ประเทศไทย และครบรอบ 150 ปี ฟรีสแลนด์คัมพิน่าทั่วโลกด้วย
การพัฒนาด้านความยั่งยืนคือหนึ่งในพันธกิจในการขับเคลื่อนองค์กร ในวาระครบรอบ 150 ปี ของจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการก่อตั้งสหกรณ์โคนม อันนำมาสู่บริษัทผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแถวหน้าของโลกอย่างฟรีสแลนด์คัมพิน่าในทุกวันนี้ พวกเขาไม่เคยลืมก้าวเล็กๆ อันเข้มแข็ง และไม่เคยไหวเอนไปจากอุดมการณ์ ‘From Grass to Glass’ เราจึงได้ดื่มกินผลิตภัณฑ์จากโคนมที่มีคุณภาพอย่างในทุกวันนี้ พร้อมทั้งได้เห็นโครงการดีๆ อีกหลากหลายรูปแบบนอกเหนือจากโครงการ ‘โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย สู้ภัยโควิด-19’ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มให้แก่แม่ผู้เดือดร้อนจากโครงการ แม่กักตัว ลูกไม่อดนม ภายใต้ความร่วมมือกับเพจอีจันและเซเว่น อีเลฟเว่น การสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการประชาชน และการสนับสนุนผลิตภัณฑ์นมให้แก่ Pour un Sourire d’Enfant (PSE) องค์กรการกุศล เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเยาวชนที่ขาดแคลนในกัมพูชา เป็นต้น