วันนี้ (18 ก.ค.) เวลา 18.00 น. ทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ชทั้ง 13 ชีวิตร่วมกันแถลงข่าวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในถ้ำหลวง โดยมี สุทธิชัย หยุ่น รับหน้าที่เป็นพิธีกรถามคำถามแทนสื่อที่ให้ส่งคำถามมาคัดกรองล่วงหน้าโดยนักจิตวิทยา
สำหรับทีมหมูป่าและโค้ช ได้แก่
- ด.ช.ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง (ไตตั้น)
- ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทรง (เติ้ล)
- ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ (ดอม)
- ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม (โน้ต)
- ด.ช.พรชัย คำหลวง (ตี๋)
- ด.ช.ภาณุมาศ แสงดี (มิกซ์)
- ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม (มาร์ค)
- ด.ช.สมพงษ์ ใจวงศ์ (พงษ์)
- ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน (อดุลย์)
- นายพิพัฒน์ โพธิ (นิค)
- นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ (ไนท์)
- นายเอกรัฐ วงศ์สุขจันทร์ (บิว)
- และนายเอกพล จันทะวงษ์ (โค้ชเอก)
ทีมหมูป่าเผยวินาทีพบนักดำน้ำชาวอังกฤษ
อดุลย์เล่าให้ฟังว่าระหว่างที่เรานั่งขูดหินที่ผนังถ้ำเพื่อหาทางออก เราได้ยินเสียงคนคุยกัน โค้ชเอกก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน จึงสั่งให้ทุกคนเงียบ
ตอนแรกโค้ชเอกสั่งให้มิกซ์ลงไปก่อน เพราะมีไฟฉาย แต่มิกซ์ยังกล้าๆ กลัวๆ อดุลย์จึงตัดสินใจเอาไฟฉายลงไป
เมื่อไปถึงเห็นคนโผล่ขึ้นมาคุยกัน ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นคนไทย จึงส่งเสียงเรียกว่า “เจ้าหน้าที่”
แต่ต่อมาก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฝรั่ง จึงทักไปว่า “Hello”
อดุลย์บอกว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ พอเขาขึ้นมาปุ๊บก็ถามเราว่า How are you?
จากนั้นนักดำน้ำอังกฤษก็ให้เราขึ้นไปอยู่บนเนินสูง
เข้าไปในถ้ำทำไม
โค้ชเอกบอกว่าปรึกษากันก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไปเที่ยวถ้ำหลวง จึงวางโปรแกรมซ้อมอุ่นเครื่องกับทีมสนามบนดอย
พอเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องจบก็พากันไปที่ถ้ำหลวง ซึ่งโค้ชเอกและน้องอีก 3 คนเคยเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้
โค้ชเอกบอกว่าก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าไปถึงเนินนมสาวแล้ว และเมื่อเข้าไปครั้งนี้บริเวณสามแยกก็มีน้ำขังนิดๆ เหมือนครั้งก่อนหน้านี้
ยืนยันไม่ได้ไปจัดงานวันเกิดใคร และไร้เสบียงตลอด 10 วัน
โค้ชเอกยืนยันว่าไม่ใช่เพราะไปฉลองวันเกิดใคร ถึงจะเป็นวันเกิดน้องไนท์ก็ต้องถึงบ้านก่อน 5 โมงเย็น เพราะคุณพ่อคุณแม่จัดงานวันเกิดรออยู่ที่บ้าน
ตอนรู้ว่าติดถ้ำหลวงคือขากลับออกจากถ้ำ พอไปถึงนครบาดาลบริเวณสามแยกก็เจอทางตัน มีทรายและหินปิดหมดเลย
แต่ตอนนั้นเด็กๆ ยังไม่คิดว่าจะติดถ้ำ เพราะเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์น้ำขึ้น-น้ำลง เข้าใจว่าพรุ่งนี้จะออกได้
โค้ชเอกบอกน้องๆ ให้ขุดร่องเพื่อระบายน้ำ แต่ขุดเท่าไรก็ไม่มีท่าทีว่าน้ำจะลดลง จึงต้องตัดสินใจค้างแรมในถ้ำโดยไม่ได้มีอาหารอะไรเตรียมเข้าไปเลย มื้อสุดท้ายคือที่สนามฟุตบอลตอนซ้อมเท่านั้น
โค้ชเอกเผยว่าวันแรกยังไม่กลัว เพราะคิดว่าพรุ่งนี้น้ำลงก็คงออกจากถ้ำได้ ระหว่างนั้นก็กินน้ำที่หยดจากหินย้อยอย่างเดียว ผ่านไป 2 วันก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรง บางคนมีอาการหน้ามืด
ระหว่างนั้นยามว่างโค้ชเอกจะให้น้องๆ กินน้ำให้อิ่ม ก่อนจะใช้หินขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออก
จากนั้นผ่านไป 4-5 วันต้องตัดสินใจ 2 ทางว่าจะไปต่อที่ปลายถ้ำหรือจะหยุดอยู่ที่เดิม (บริเวณเนินนมสาว) เพราะถ้าไปต่อที่ปลายถ้ำ หากไม่เจอทางออกเราจะถูกปิดถึง 2 ชั้น
สุดท้ายจึงตัดสินใจอยู่ที่เนินนมสาวเพื่อรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ จนในที่สุดก็พบกับนักดำน้ำชาวอังกฤษ
โค้ชเอกเลือกลำดับเด็กออกจากถ้ำ ใครบ้านอยู่ไกลได้ออกก่อน
หมอภาคย์ หรือพันโทนายแพทย์ภาคย์ โลหารชุน เปิดเผยว่าไม่คิดว่าจะสามารถนำน้องๆ ออกได้ทางปากถ้ำ
แผนการแรกคือการรอคอยให้น้ำลดลง โดยมีการนำเสบียงมาให้อยู่ได้ถึง 2 สัปดาห์ กับอีกแผนก็คือการใช้หน้ากากฟูลเฟซเพื่อนำตัวเด็กๆ ออกทางปากถ้ำ
โดยโค้ชเอกเป็นคนพิจารณาลำดับว่าใครจะได้ออกมาก่อน-หลัง เพราะทุกคนมีสภาพร่างกายแข็งแรงใกล้เคียงกัน
โค้ชเอกเรียงลำดับตามคนบ้านไกลและบ้านใกล้ โดยใครที่บ้านอยู่ไกลจะได้ออกไปก่อนเพื่อหวังจะให้ไปแจ้งกับผู้ปกครองว่าข้างในสบายดี และให้เตรียมกับข้าวไว้ให้
อาลัย ‘จ่าแซม’ บทเรียนหมูป่าและการได้สัญชาติ
โค้ชเอกเผยความรู้สึกเมื่อทราบข่าวว่ามีคนเสียสละชีวิตให้เรา 1 คน
ทุกคนรู้สึกช็อกและเสียใจมาก เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้พี่จ่าแซมต้องจากไปและทำให้ครอบครัวพี่จ่าแซมต้องเดือดร้อน พร้อมโชว์ภาพวาดและความในใจรำลึกถึงจ่าแซม
บทเรียนครั้งนี้ของทีมหมูป่าทำให้เราซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคน จะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และรู้สึกเสียใจกับการกระทำโดยไม่คิดของตนเองก่อนหน้านี้ที่มีผลเสียหายตามมา
ส่วนเรื่องสัญชาติไทยของทีมหมูป่า ซึ่งมี 3 คนรวมถึงโค้ชเอกที่ยังไม่มีสัญชาติไทยนั้น นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าน้องๆ ได้ยื่นเรื่องไว้ที่อำเภอแม่สายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอน