นับถอยหลังปั๊มเสือ ‘ESSO’ ที่อยู่คนไทยมานาน 129 ปี โดยจะให้บริการถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เป็นวันสุดท้าย เปลี่ยนไปใช้ชื่อ ‘บางจาก’ ทั่วประเทศ โดยล่าสุดธนาคารกรุงเทพพร้อมปล่อยกู้ BCP ซื้อหุ้น ESSO วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท
จับตาบทบาทใหม่ ‘ชัยวัฒน์’ CEO บางจาก ที่พร้อมเดินหน้าธุรกิจออยล์และนอนออยล์ ขยายร้านกาแฟอินทนิล สถานีชาร์จ EV ซึ่งหลังจากนี้บางจากจะมีปั๊มน้ำมันทั่วประเทศรวม 2,145 แห่ง ขยับใกล้เคียงคู่แข่ง PTTOR ด้วยแต้มต่อกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย
ย้อนบิ๊กดีลบางจากเทกโอเวอร์เอสโซ่
THE STANDAED WEALTH พาย้อนดีลบางจากเทกโอเวอร์เอสโซ่ โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ได้มีประกาศบิ๊กดีลวงการพลังงานของไทย คือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ประกาศเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. หรือ ExxonMobil ซึ่งเป็นบริษัทแม่ สัญชาติอเมริกัน ด้วยมูลค่า 5.55 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยราคาหุ้น 8.84 บาท
วันนี้เรียกได้ว่าเอสโซ่ในเครือ ExxonMobil ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่เข้ามาประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (Integrated) ผ่านทางลูกค้ารายย่อยและทางเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันค้าปลีกภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ รวมทั้งขายโดยตรงให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ค้าส่ง การบิน และการเดินเรือ จะไม่มีอีกต่อไป
ถึงเวลาปิดตำนานสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ที่อยู่คู่คนไทยมานานถึง 129 ปี เหลือเพียงความทรงจำของสโลแกน ‘จับเสือใส่ถังพลังสูง’ โดยจะให้บริการถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เป็นวันสุดท้าย และเมื่อเริ่มต้นวันที่ 1 กันยายน 2566 จะไม่เห็นปั๊มน้ำมันเอสโซ่ในไทยอีกต่อไปแล้ว
สู่ตำนานบทใหม่ ‘บางจาก’
เอสโซ่จะเปลี่ยนเป็นโลโก้ใบไม้สีเขียวที่คุ้นตากันดีในชื่อของ ‘บางจาก’ ที่จะเข้ามารับบทบาทใหม่ ซึ่งนับจากนี้นอกจากสถานีบริการน้ำมันที่บางจากจะเริ่มทยอยปรับโฉมภายใน 2 ปีแล้วนั้น บางจากจะได้สินทรัพย์ของเอสโซ่ที่เกี่ยวข้องหลักๆ ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน กำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน ซึ่งจะทำให้บางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และจะทำให้บางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย รวมทั้งมีท่อส่งน้ำมัน 2 ท่อ เส้นทางบางปะอินและสระบุรี ที่ถือว่าเป็นท่อส่งน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ขึ้นแท่นยอดขายน้ำมันอันดับ 2
ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีบริการน้ำมันประมาณ 20,000 สถานีบริการ ทั้งสถานีบริการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ สำหรับบางจากมีสัดส่วนคิดเป็น 30% เป็นอันดับ 3 ของตลาด หากควบรวมแล้วจากสถานีบริการน้ำมัน 1,343 แห่ง เมื่อรวมกับเอสโซ่อีก 802 แห่ง จะทำให้บางจากมีสถานีบริการน้ำมันรวม 2,145 แห่ง ถือว่าใกล้เคียงกับเบอร์ 1 และ 2 อย่าง PTTOR และ PT
ส่วนยอดขายน้ำมันเมื่อรวมกับเอสโซ่ จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากสถานีบริการของโออาร์ หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR)
ส่วนการผ่องถ่ายธุรกิจทั้งหมด ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ย้ำว่า นอกจากสร้างความมั่นคงด้านพลังงานจากบริษัทพลังงานข้ามชาติมาเป็นของบริษัทไทย ยังถือเป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทั้งบริษัทบางจากและประเทศไทย
และบางจากจะได้บุคลากรคุณภาพเข้ามาช่วยดำเนินการร่วมกัน ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต้นทุนและทำรายได้เพิ่มขึ้น 1.5-2 พันล้านบาททันที ซึ่งในปีนี้บางจากเตรียมงบลงทุน 4.5 หมื่นล้านบาท และแผนการลงทุนระยะ 8 ปี (2566-2573) เตรียมงบลงทุน 2 แสนล้านบาท เพื่อขยายการลงทุน
รุกธุรกิจนอนออยล์, ร้านกาแฟอินทนิล, EV Charger
โดยจะขยายและพัฒนาร้านกาแฟอินทนิล 3,000 แห่งทั่วประเทศในปี 2573 จาก 1,030 แห่ง ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ 10.3% รวมทั้งลงทุน EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จำนวน 180 สถานี ครอบคลุม 57 จังหวัดทั่วประเทศไทย และความร่วมมือกับคู่ค้าและรายได้จากแฟรนไชส์
ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงนอกยานยนต์เป็น 60% ภายในปี 2573 และสัดส่วน EBITDA ของธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 40%
ธนาคารกรุงเทพปล่อยกู้ 3.2 หมื่นล้าน เข้าซื้อหุ้นเอสโซ่
ล่าสุดธนาคารกรุงเทพปล่อยกู้บางจากวงเงินรวมไม่เกิน 3.2 หมื่นล้าน เข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ พร้อมต่อยอดบริการด้านการเงินครบวงจร โดยชัยวัฒน์มั่นใจว่าแผนธุรกิจทั้งหมดจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ซึ่งบริษัทจะเข้าซื้อหุ้น ESSO จำนวน 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ตามระยะเวลาที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ ESSO ตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป
โดยนอกจากเงินกู้จำนวนดังกล่าวแล้ว บางจากจะใช้แหล่งเงินทุนของบริษัทเองอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเข้าทำธุรกรรมซื้อหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัญญาวงเงินสินเชื่อระยะยาววงเงินรวมไม่เกิน 3.2 หมื่นล้านบาท แก่บางจาก เพื่อใช้สำหรับการเข้าซื้อหุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) โดยแบ่งเป็นวงเงินสำหรับการเข้าซื้อหุ้น ESSO จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. และวงเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายย่อยตามที่กฎหมายกำหนด (Mandatory Tender Offer)
“ธนาคารมีความยินดีที่ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อให้แก่บางจากสำหรับการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมด้านพลังงานของประเทศไทย”
หลังจากนี้ต้องจับตาธุรกิจบางจาก เพราะการเข้าเทกโอเวอร์กิจการเอสโซ่ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์วงการพลังงานของไทย นอกจากจะทำให้แบรนด์สัญชาติไทยเติบโตขึ้น เม็ดเงินไม่ไหลออกจากประเทศ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยต่อไปอย่างไร