วันนี้ (16 ตุลาคม) โฆษกทางการกัมพูชาเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่ามีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในเมืองและจังหวัด 19 แห่ง จากทั้งหมด 25 แห่งทั่วประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ขณะที่ประชาชน 12,376 รายต้องอพยพออกจากที่อยู่
เสก วิเชต โฆษกคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NCDM) กล่าวว่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 193,268 ราย ขณะที่อีก 12,376 รายถูกอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
วิเชตกล่าวว่า จนถึงขณะนี้น้ำหลากได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 13 ราย ซึ่งเป็นเด็ก 5 ราย พร้อมเสริมว่าจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ได้แก่ พระตะบอง โพธิสัตว์ และบันทายมีชัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และกันดาล ทางตอนใต้ของประเทศ
มวลน้ำยังหลากท่วมบ้านเรือน 47,923 หลัง รวมถึงนาข้าวและไร่พืชผล 186,689 เฮกตาร์ (ราว 1.16 ล้านไร่) และจนถึงขณะนี้นาข้าวและไร่พืชผลถูกทำลายไปแล้ว 12,958 เฮกตาร์ (ราว 81,000 ไร่) ขณะเดียวกันการคมนาคมยังหยุดชะงัก เนื่องจากถนนสายหลักหลายสายในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงต้องถูกปิดเพื่อหลีกเลี่ยงผิวถนนเสียหาย
ด้าน ลิม คีนฮอร์ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยาของกัมพูชา ระบุการคาดการณ์ว่าตั้งแต่วันที่ 17-19 ตุลาคมนี้จะยังคงมีฝนตก ลมแรง และคลื่นสูง เนื่องจากขณะนี้กัมพูชากำลังได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนโซเดล (Saudel) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอีกครั้ง
คีนฮอร์กล่าวว่าผู้อยู่อาศัยบริเวณที่ราบริมน้ำและใกล้ภูเขา ชาวประมง และผู้เดินทางทางทะเล ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่าปกติแล้วกัมพูชาจะเกิดน้ำท่วมระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ขณะที่ปี 2019 น้ำท่วมจากแม่น้ำโขงและน้ำท่วมฉับพลันได้มีผู้เสียชีวิตไป 30 ราย ส่วนพายุฝนทำให้ผู้คนเสียชีวิตไป 8 ราย และบาดเจ็บอีก 131 ราย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว