วันนี้ (3 พฤษภาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ในคณะรัฐมนตรีจำนวน 12 คน เดินทางเข้าตึกสันติไมตรีเพื่อถ่ายรูปติดบัตร ตั้งแต่เวลา 14.20 น. เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาถึงเป็นคนแรก จากนั้น มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาถึงในลำดับถัดมา
ตามด้วย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ปิดท้ายด้วย จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พิชิตบอกตัวเบาหวิว ไร้กังวล ขอตอบทุกคำถามสัปดาห์หน้า
พิชิตให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ตนไม่ขอพูดอะไร โดยในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม ตนจะชี้แจงทุกประเด็นที่สื่อมีคำถาม วันนี้ตนขอไม่พูดอะไร พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้หนักใจต่อกรณีมีผู้ร้องให้ยื่นตีความคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า “ตัวเบาหวิว”
จักรพงษ์ปฏิเสธ รัฐมนตรีสายตรงนายกฯ
ขณะที่จักรพงษ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการเปลี่ยนจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ยังคงทำงานเหมือนเดิม
ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นรัฐมนตรีจากสายตรง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จักรพงษ์กล่าวว่า หลายคนอาจไม่ทราบว่าตนเองอยู่กับพรรคเพื่อไทย เป็นกรรมการบริหาร เป็นคนเบื้องหลังมานานตั้งแต่ปี 2554 แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยกับ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือไม่ จักรพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน พร้อมยืนยันว่าระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้นไม่ได้มีปัญหาใดๆ
ส่วนการที่ตนเองจะเข้ามาดูเรื่องงบพัฒนาชุมชนหรือไม่นั้น จักรพงษ์กล่าวว่า ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าทำได้ เพราะเคยทำเรื่องงบประมาณของพรรคตั้งแต่ปี 2562
สุชาติไม่เกร็ง ชมเศรษฐาทำงานเร็วเหมือนประยุทธ์
ส่วนสุชาติเปิดเผยถึงบรรยากาศการเข้าทำเนียบรัฐบาลในรอบ 7 เดือนว่า ยังคงทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเหมือนเดิม ส่วนการย้ายจากรัฐมนตรีว่าการมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการนั้น สุชาติกล่าวว่า ก็ทำงานเหมือนเดิม เรามาทำงานในส่วนที่ประเทศชาติต้องการ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเรา เราไม่ได้มีตำแหน่งเพื่อตัวเรา ทำเพื่อประเทศชาติไม่ได้ซีเรียสอะไร ส่วนการทำงานข้ามกระทรวงนั้น ก็ไปเรียนรู้กระทรวงที่เป็นเศรษฐกิจอีกกระทรวงหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ศึกษางานมาแล้วหรือไม่ สุชาติกล่าวว่า ต้องดู ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีกที และท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพมานาน เพราะเราเองก็เป็นแฟนคลับท่านมาหลายสิบปี ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยถึงการแบ่งงานกันแต่อย่างใด ซึ่งตนยินดีที่จะร่วมงานกับภูมิธรรมด้วยความตั้งใจจริง และอยากมาอยู่ตรงนี้ส่วนหนึ่ง
เมื่อถามว่า เนื้องานของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงแรงงานค่อนข้างต่างกัน สุชาติกล่าวว่า เมื่อแรงงานดี เกษตรดี ค้าขายดี ประเทศก็เจริญ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ส่วนคิดว่าจะผ่าน KPI หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหน้างาน และตนคิดว่าต้องเต็มที่เหมือนที่เคยทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเกร็งต่อการทำงานหรือไม่ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา สุชาติกล่าวว่า ตนเองไม่เกร็งในการทำงาน เพราะรัฐบาลและเศรษฐาเป็นคนที่ตั้งใจและเป็นคนเก่ง และผมได้พบท่านมาแล้ว ได้กินข้าวและพูดคุยกันในเรื่องวิสัยทัศน์ สไตล์การทำงานรวดเร็วคล้ายกับลุงตู่ และเป็นคนเก่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลายเรื่องที่อยู่ในการฟ้องร้องหลายคดีในรัฐบาลก่อน สุชาติกล่าวว่า เรื่องคดี เรื่องฟ้องร้องต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นการกล่าวหา ซึ่งต้องดูว่าข้อมูลไม่มีชื่อเรา เรื่องที่อยู่ในสำนักงาน ป.ป.ช. ก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งแน่นอนว่าเราชัดเจน หากไม่ชัดเจนจะสู้คดีต่อหรือ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด เชื่อในกระบวนการยุติธรรม
จิราพรขอดูรายละเอียด ตั้งสถานีโทรทัศน์หนุนซอฟต์พาวเวอร์
ขณะที่จิราพรกล่าวก่อนเข้าถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวว่า ตอนนี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากฝ่ายนิติบัญญัติมาอยู่ฝ่ายบริหารแล้ว ส่วนที่ได้ประกาศว่าจะตั้งสถานีโทรทัศน์สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยนั้น จะต้องไปดูรายละเอียดและนโยบายว่าจะสามารถใช้ทรัพยากรส่วนไหนมาดำเนินการ โดยหลังจากนี้จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
สุดาวรรณย้ายกระทรวง ไม่นอยด์ ไม่ถามพ่อ
สุดาวรรณให้สัมภาษณ์ต่อคำถามว่า เคลียร์ใจกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง หลังถูกปรับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมว่า “พร้อมทำงานแล้วค่ะ”
เมื่อถามต่อว่า รู้สึกนอยด์หรือไม่ สุดาวรรณตอบว่า ไม่มี พร้อมทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงพิจารณาแล้วว่าใครที่จะเหมาะทำงานตรงไหน
เมื่อถามว่า ได้ปรึกษา วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้เป็นบิดาหรือไม่ สุดาวรรณกล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ปรึกษาเรื่องรับตำแหน่งอะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า งานกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคล้ายกันหรือไม่ สุดาวรรณกล่าวว่า เดิมก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ทั้งสองกระทรวงก็คุยกันบ่อย ไม่มีปัญหา ก็ทำงานตามปกติ
เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์เข้ารับหน้าที่เย็นนี้
หลังจากนั้นในเวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาจะเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ก่อนนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
โดยคันแรกประกอบด้วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, พิชัย ชุณหวชิร, จักรพงษ์ แสงมณี และ พิชิต ชื่นบาน
คันที่ 2 ประกอบด้วย จิราพร สินธุไพร, มาริษ เสงี่ยมพงษ์, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล
ส่วนคันที่ 3 ประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน, เผ่าภูมิ โรจนสกุล, อรรถกร ศิริลัทธยากร และ สุชาติ ชมกลิ่น
