1. กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง คืออะไร
กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 เป็นกองทุนรวมพิเศษเพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ และเพิ่มทางเลือกในการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน โดยแบ่งผู้ถือหน่วยลงทุนเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) และประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ)
ต่อมาในปี 2556 บริษัทจัดการได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมด และได้แปรสภาพกองทุนเป็นกองทุนรวมเปิด คงเหลือเฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ได้แก่ กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ
ล่าสุด ณ วันที่ 6 กันยายน 2567 กองทุนฯ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม (NAV) 353,596 ล้านบาท และปัจจุบันกองทุนฯ เตรียมจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไปอีกครั้ง มูลค่ารวม 1-1.5 แสนล้านบาท
2. กองทุนลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง
นโยบายลงทุนแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ หลักทรัพย์สภาพคล่อง หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567 สัดส่วนการลงทุนตามประเภทหลักทรัพย์ 5 อันดับแรก แบ่งเป็น
- หุ้นสามัญในประเทศ 88.36%
- พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 7.01%
- ตั๋วเงินคลัง 1.48%
- เงินฝากธนาคาร 1.07%
- หุ้นกู้ 0.62%
ทั้งนี้ หุ้นที่กองทุนฯ ถือครองมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ปตท. (PTT) 35.07%
- เอสซีบี เอกซ์ (SCB) 25.03%
- ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) 5.54%
- ธนาคารกรุงไทย (KTB) 3.36%
- บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) 3.03%
กองทุนฯ มีการบริหารทั้งแบบเชิงรุก (Active Investment) และแบบเชิงรับ (Passive Investment) ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น บริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป หรือบริษัทนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่สูงกว่า เป็นต้น
นอกจากนี้อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนดีหรือมีแนวโน้มเติบโตสูง มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
3. ผลตอบแทนที่จะได้รับเป็นอย่างไร
ผลตอบแทนขั้นต่ำกำหนดไว้ที่ 3% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนขั้นสูงกำหนดไว้ที่ 9% ต่อปี เป็นอัตราคงที่ตลอดระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี โดยกองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะเป็นการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ส่วนครั้งที่ 2 จะจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% รวมกับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (ถ้ามี)
สมมติว่าหากกองทุนมีกำไร 5% ถ้าลงทุน 10,000 บาท จะได้รับเงินปันผลกลางปี 150 บาท และสิ้นปีอีก 350 บาท รวมเป็น 500 บาท
4. เงินปันผลต้องเสียภาษีหรือไม่
เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง จะต้องเสียภาษี 10%
5. เงินลงทุนตั้งต้นจะขาดทุนหรือไม่
กองทุนวายุภักษ์มีกลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. แต่กลไกดังกล่าวไม่ได้เป็นการประกันหรือค้ำประกันเงินลงทุน หากมูลค่าทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างรุนแรง อาจทำให้กลไกคุ้มครองเงินลงทุนไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนบางส่วนหรือทั้งหมด
เช่นเดียวกับผลตอบแทนที่อาจได้รับเงินปันผลต่ำกว่า 3% ต่อปี หรืออาจไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเลย
แต่กรณีที่สถานการณ์การลงทุนไม่ได้เลวร้าย นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนครบระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี จะได้รับเงินลงทุนตั้งต้นคืนทั้งหมด พร้อมกับผลตอบแทนขั้นต่ำและผลตอบแทนส่วนเพิ่มในแต่ละปี
6. ลงทุนแล้วขายก่อน 10 ปีได้หรือไม่
ขายก่อนได้ผ่านตลาดรอง โดยภายหลังจากการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. บริษัทจัดการจะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าสู่กลไกตลาด และราคาหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปลี่ยนแปลงไปตามแรงซื้อและแรงขายของนักลงทุน ซึ่งทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ซื้อหรือขายหน่วยลงทุนในตลาดรอง อาจไม่ได้รับความคุ้มครองเงินลงทุนตามกลไกในการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.
หมายความว่า ถ้าใครที่นำหน่วยลงทุนไปขายในตลาด และขายได้ที่ราคาต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วย ก็จะขาดทุนได้เช่นกัน และเมื่อขายหน่วยลงทุนออกไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับเงินปันผลที่การันตีไว้
7. ใครสามารถจองซื้อได้บ้าง
- ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ ที่เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย ที่มีถิ่นที่อยู่ในไทย และมีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือกองทุนส่วนบุคคลของผู้ลงทุนรายย่อยข้างต้น
- ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น ธนาคารพาณิชย์และธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม
8. จองซื้อวันไหนและประกาศผลเมื่อไร
ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศจองซื้อวันที่ 16-20 กันยายน 2567 และผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่มจองซื้อวันที่ 18-20 กันยายน 2567
มูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท และเพิ่มทีละ 100 หน่วย หรือ 1,000 บาท โดยจะจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ซึ่งผู้จองซื้อทุกรายจะมีโอกาสในการได้รับจัดสรรหน่วยลงทุนเท่ากัน
ผู้จองซื้อหน่วยลงทุนจะทราบผลในวันที่ 25 กันยายน 2567
9. จองซื้อผ่านช่องทางไหน
ณ สำนักงาน สาขา และ/หรือ ช่องทางออนไลน์ (เฉพาะรายที่เปิดจองซื้อทางออนไลน์) ของบริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนรวม 8 ราย ได้แก่
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารออมสิน
10. กองทุนจะเริ่มลงทุนรอบใหม่เมื่อไร
ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า กองทุนจะเริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 แต่ต้องดูจังหวะในการลงทุน อาจเป็นการทยอยลงทุนตามเวลาที่เหมาะสม คงไม่สามารถลงทุนครั้งเดียวทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท
ส่วนผลตอบแทนนับตั้งแต่จดทะเบียนกองทุนที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย 2.92% ต่อปี ต่ำกว่าผลตอบแทนอ้างอิง (Benchmark) ที่ 3.20% จากข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 โดย Benchmark คำนวณจาก 50% ของอัตราผลตอบแทนรวมจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ, 40% ของอัตราผลตอบแทนจากผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีพันธบัตรรัฐบาล Mark to Market อายุ 1-3 ปีของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และ 10% ผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีตราสารหนี้ภาคเอกชน Mark to Market ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับ A ขึ้นไป อายุ 1-3 ปีของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย