×

10 ข้อควรรู้! ก่อนซื้อกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง รับการันตีปันผล 3% ต่อปี

09.09.2024
  • LOADING...

1. กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง คืออะไร

 

กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 เป็นกองทุนรวมพิเศษเพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ และเพิ่มทางเลือกในการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน โดยแบ่งผู้ถือหน่วยลงทุนเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) และประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ)

 

ต่อมาในปี 2556 บริษัทจัดการได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมด และได้แปรสภาพกองทุนเป็นกองทุนรวมเปิด คงเหลือเฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ได้แก่ กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ

 

ล่าสุด ณ วันที่ 6 กันยายน 2567 กองทุนฯ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม (NAV) 353,596 ล้านบาท และปัจจุบันกองทุนฯ เตรียมจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไปอีกครั้ง มูลค่ารวม 1-1.5 แสนล้านบาท

 

2. กองทุนลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง

 

นโยบายลงทุนแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ หลักทรัพย์สภาพคล่อง หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

 

ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567 สัดส่วนการลงทุนตามประเภทหลักทรัพย์ 5 อันดับแรก แบ่งเป็น

 

  1. หุ้นสามัญในประเทศ 88.36%
  2. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 7.01% 
  3. ตั๋วเงินคลัง 1.48%
  4. เงินฝากธนาคาร 1.07%
  5. หุ้นกู้ 0.62%

 

ทั้งนี้ หุ้นที่กองทุนฯ ถือครองมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

 

  1. ปตท. (PTT) 35.07%
  2. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) 25.03%
  3. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) 5.54%
  4. ธนาคารกรุงไทย (KTB) 3.36%
  5. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) 3.03%

 

กองทุนฯ มีการบริหารทั้งแบบเชิงรุก (Active Investment) และแบบเชิงรับ (Passive Investment) ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น บริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป หรือบริษัทนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่สูงกว่า เป็นต้น

 

นอกจากนี้อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนดีหรือมีแนวโน้มเติบโตสูง มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี

 

3. ผลตอบแทนที่จะได้รับเป็นอย่างไร

 

ผลตอบแทนขั้นต่ำกำหนดไว้ที่ 3% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนขั้นสูงกำหนดไว้ที่ 9% ต่อปี เป็นอัตราคงที่ตลอดระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี โดยกองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะเป็นการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ส่วนครั้งที่ 2 จะจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% รวมกับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (ถ้ามี)

 

สมมติว่าหากกองทุนมีกำไร 5% ถ้าลงทุน 10,000 บาท จะได้รับเงินปันผลกลางปี 150 บาท และสิ้นปีอีก 350 บาท รวมเป็น 500 บาท

 

4. เงินปันผลต้องเสียภาษีหรือไม่

 

เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง จะต้องเสียภาษี 10%

 

5. เงินลงทุนตั้งต้นจะขาดทุนหรือไม่

 

กองทุนวายุภักษ์มีกลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. แต่กลไกดังกล่าวไม่ได้เป็นการประกันหรือค้ำประกันเงินลงทุน หากมูลค่าทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ​ ลดลงอย่างรุนแรง อาจทำให้กลไกคุ้มครองเงินลงทุนไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนบางส่วนหรือทั้งหมด 

 

เช่นเดียวกับผลตอบแทนที่อาจได้รับเงินปันผลต่ำกว่า 3% ต่อปี หรืออาจไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเลย 

 

แต่กรณีที่สถานการณ์การลงทุนไม่ได้เลวร้าย นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนครบระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี จะได้รับเงินลงทุนตั้งต้นคืนทั้งหมด พร้อมกับผลตอบแทนขั้นต่ำและผลตอบแทนส่วนเพิ่มในแต่ละปี

 

6. ลงทุนแล้วขายก่อน 10 ปีได้หรือไม่

 

ขายก่อนได้ผ่านตลาดรอง โดยภายหลังจากการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. บริษัทจัดการจะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าสู่กลไกตลาด และราคาหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปลี่ยนแปลงไปตามแรงซื้อและแรงขายของนักลงทุน ซึ่งทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ซื้อหรือขายหน่วยลงทุนในตลาดรอง อาจไม่ได้รับความคุ้มครองเงินลงทุนตามกลไกในการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. 

 

หมายความว่า ถ้าใครที่นำหน่วยลงทุนไปขายในตลาด และขายได้ที่ราคาต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วย ก็จะขาดทุนได้เช่นกัน และเมื่อขายหน่วยลงทุนออกไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับเงินปันผลที่การันตีไว้

 

7. ใครสามารถจองซื้อได้บ้าง

 

  1. ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ ที่เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย ที่มีถิ่นที่อยู่ในไทย และมีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือกองทุนส่วนบุคคลของผู้ลงทุนรายย่อยข้างต้น
  2. ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น ธนาคารพาณิชย์และธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม

 

8. จองซื้อวันไหนและประกาศผลเมื่อไร

 

ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศจองซื้อวันที่ 16-20 กันยายน 2567 และผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่มจองซื้อวันที่ 18-20 กันยายน 2567

 

มูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท และเพิ่มทีละ 100 หน่วย หรือ 1,000 บาท โดยจะจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ซึ่งผู้จองซื้อทุกรายจะมีโอกาสในการได้รับจัดสรรหน่วยลงทุนเท่ากัน

 

ผู้จองซื้อหน่วยลงทุนจะทราบผลในวันที่ 25 กันยายน 2567

 

9. จองซื้อผ่านช่องทางไหน

 

ณ สำนักงาน สาขา และ/หรือ ช่องทางออนไลน์ (เฉพาะรายที่เปิดจองซื้อทางออนไลน์) ของบริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนรวม 8 ราย ได้แก่

 

  1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย
  2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี
  3. ธนาคารกรุงเทพ
  4. ธนาคารกรุงไทย
  5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  6. ธนาคารกสิกรไทย
  7. ธนาคารไทยพาณิชย์
  8. ธนาคารออมสิน 

 

10. กองทุนจะเริ่มลงทุนรอบใหม่เมื่อไร

 

ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า กองทุนจะเริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 แต่ต้องดูจังหวะในการลงทุน อาจเป็นการทยอยลงทุนตามเวลาที่เหมาะสม คงไม่สามารถลงทุนครั้งเดียวทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท

 

ส่วนผลตอบแทนนับตั้งแต่จดทะเบียนกองทุนที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย 2.92% ต่อปี ต่ำกว่าผลตอบแทนอ้างอิง (Benchmark) ที่ 3.20% จากข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 โดย Benchmark คำนวณจาก 50% ของอัตราผลตอบแทนรวมจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ, 40% ของอัตราผลตอบแทนจากผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีพันธบัตรรัฐบาล Mark to Market อายุ 1-3 ปีของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และ 10% ผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีตราสารหนี้ภาคเอกชน Mark to Market ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับ A ขึ้นไป อายุ 1-3 ปีของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising