×

10 ภาพเล่าชีวิต ดิเอโก มาราโดนา ตำนาน ‘หมายเลข 10’ ผู้จากไป

26.11.2020
  • LOADING...
10 ภาพเล่าชีวิต ดิเอโก มาราโดนา ตำนาน ‘หมายเลข 10’ ผู้จากไป

การจากไปของ ดิเอโก มาราโดนา สร้างความโศกเศร้าให้แก่แฟนฟุตบอลทั่วโลกที่ต้องสูญเสียนักฟุตบอลอัจฉริยะตัวจริง ที่เคยสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมากมาย

 

เพื่อเป็นการรำลึกถึงนักฟุตบอล ‘หมายเลข 10’ ที่เก่งที่สุดตลอดกาล เรามาร่วมย้อนความทรงจำไปกับ 10 ภาพที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตของมาราโดนา ให้พอคลายความคิดถึงและเศร้าโศกลงได้บ้าง รวมถึงคนที่ไม่เคยติดตามเรื่องราวของนักเตะโลกไม่ลืมผู้นี้มาก่อน 

 

จะเข้าใจว่าเหตุใดโลกทั้งใบจึงต้องร้องไห้ให้เขา

 

มาราโดนาในชุดสีฟ้าขาวของทีมชาติอาร์เจนตินา ในเกมพบกับทีมชาติสกอตแลนด์เมื่อปี 1979 และเป็นวันที่เขาทำประตูแรกให้กับทีมได้

 

ดนตรีคือชีวิตสำหรับอัจฉริยะลูกหนังผู้นี้เช่นกัน โดยจะพบวิดีโอของมาราโดนา ที่มีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นรำได้เสมอ เรียกว่าเป็นนักฟุตบอลอารมณ์ศิลปินตัวจริง

 

ขึ้นสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์เต็มตัวกับโบคา จูเนียร์ส และนี่คือภาพหลังจากพาทีมคว้าแชมป์ลีกสำเร็จในปี 1981 ในสนามบอมโบเนรา

 

หลังจบฟุตบอลโลกที่สเปน มาราโดนาเริ่มต้นการผจญภัยบนแผ่นดินยุโรปกับบาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวสถิติโลก 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5 ล้านปอนด์) แต่ชีวิตในคัมป์นูไม่สวยงามนัก ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บและเรื่องอื่นๆ แต่ยังเคยได้เป็นคนแรกที่ได้รับการปรบมือชื่นชมจากแฟนบอลเรอัล มาดริดในเกมเอล กลาสิโก

 

มาราโดนาย้ายทีมอีกครั้งในปี 1984 และเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่เป็นเจ้าของสถิติโลกในการย้ายทีมถึง 2 ครั้ง ด้วยค่าตัว 10.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.9 ล้านปอนด์) และสร้างปาฏิหาริย์ในการพาทีมนาโปลีคว้าสคูเด็ตโต หรือแชมป์ลีกสูงสุดอิตาลีได้สำเร็จในสมัยแรกปี 1987

 

‘หัตถ์พระเจ้า’ หรือ Hand of God เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 1986 เมื่อมาราโดนาฉวยโอกาสใช้มือชกบอลเข้าประตูอย่างแนบเนียน เป็นประตูขึ้นนำให้อาร์เจนตินาที่ถูกโจษจัน โดยมาราโดนาตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่าเป็นการทำแฮนด์บอลหรือไม่ว่า ‘เป็นหัตถ์ของพระเจ้า’

 

แต่หลังจากประตูนั้น มาราโดนาก็แสดงความอัจฉริยะด้านสว่างให้เห็น เมื่อได้บอลที่กลางสนามก่อนลากเดี่ยวแหวกผู้เล่นอังกฤษยกแผงเข้าไปทำประตูผ่าน ปีเตอร์ ชิลตัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดประตูแห่งศตวรรษ

 

ที่สุดแล้วมาราโดนา พาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโกมาครองได้ หลังเอาชนะเยอรมนีตะวันตกในรอบชิงชนะเลิศ เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ของทีมฟ้าขาว ที่ได้รับการยกย่องว่าได้มาเพราะความเป็นอัจฉริยะของมาราโดนา

 

จากจุดสูงสุด ชีวิตของมาราโดนาเริ่มตกต่ำลงจากปัญหาการใช้ชีวิตแบบสุดขั้ว แม้ในฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลีนำทีมเข้าชิงกับเยอรมนีตะวันตกได้อีกครั้งแบบกระท่อนกระแท่น แต่คราวนี้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และหลังจากนั้นถูกตรวจพบว่าใช้โคเคนจนโดนลงโทษแบนถึง 15 เดือน ต้องระเห็จไปอยู่กับเซบียาในสเปน

 

อย่างไรก็ดี เมื่อถึงฟุตบอลโลกปี 1994 มาราโดนาที่เริ่มสิ้นสภาพยังพอหลงเหลือลาย สามารถพาทีมเข้ารอบสุดท้ายที่สหรัฐอเมริกาได้ แต่มาโดนจับได้ว่าใช้สารเสพติด และถูกแบนจนต้องไปนั่งเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่อาร์เจนตินาพ่ายโรมาเนีย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

เป็นการปิดฉากชีวิตในทีมชาติของยอดอัฉจริยะลูกหนังด้วย

 

หลังฟุตบอลโลก 1994 มาราโดนากลับมาเล่นให้กับโบคา จูเนียร์ส เป็นสโมสรสุดท้ายก่อนจะเลิกเล่นในอีก 3 ปีต่อมา และพยายามรักษาเนื้อรักษาตัว รวมถึงทำงานในฐานะโค้ช โดยเคยคุมทีมชาติอาร์เจนตินาในช่วงปี 2008-2010 ซึ่ง ลิโอเนล เมสซี เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว

 

มาราโดนาคุมทีมกิมนาเซีย เป็นสโมสรสุดท้ายในชีวิตก่อนจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเลือดคั่งในสมอง และจากแฟนฟุตบอลทุกคนไปด้วยอาการหัวใจทำงานล้มเหลว

 

แต่แม้ตัวจะจากไป ความยิ่งใหญ่ ความสุข ความรัก ความรู้สึกร้อนแรง สีสัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา สร้างไว้จะยังคงอยู่ และเขาจะถูกจดจำในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุด และยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X