×

ครบ 1 ปี ไทยตั้งแนวรบสู้โควิด-19 กับศึกรอบใหม่ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในการระบาดระลอกใหม่

03.01.2021
  • LOADING...
ครบ-1-ปี-ไทยตั้งแนวรบสู้โควิด-19

“วันนี้ 3 มกราคม ถือเป็นวันแรกที่เรายกธงสู้กับโรคนี้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 ที่มีการตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิกับคนจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ วันนี้ครบ 1 ปี แต่เราต้องเปิดแนวรบรูปแบบใหม่ซึ่งศึกนี้ใหญ่กว่าเดิม และหนักขึ้นกว่าเดิมจากตัวเลขที่เห็นขึ้นมา” 

 

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวทิ้งท้ายของการแถลงสถานการณ์ประจำวัน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 315 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 294 ราย ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 20 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (Quarantine) 21 ราย รวมสะสม 7,694 ราย 

 

โดยวันนี้เป็นนิวไฮท์ (New High) ของการระบาดรอบใหม่ ทำให้ยอดป่วยสะสมจะขึ้นเป็นหลักพันและหลายพัน ยอดการติดเชื้อในประเทศเป็น 5,650 ราย

 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 ไทยเริ่มมีมาตรการตรวจคัดกรองชาวต่างชาติที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผลจากมาตรการวันนั้นทำให้ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของประเทศในวันที่ 12 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นหญิง วัย 61 ปี จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน 

 

31 มกราคม 2563 เราพบคนไทยคนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นชายไทยอายุ 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ มีประวัติรับผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่นที่มีอาการป่วยไปโรงพยาบาล 

 

ก่อนที่ไทยจะพบการระบาดในแบบกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์ ทั้งกลุ่มสถานบันเทิง สนามมวย กลุ่มพิธีทางศาสนา นำไปสู่การระบาดใหญ่ และมาตรการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ใช้ความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นต้นทุนกดตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศให้ต่ำเหลือศูนย์มาได้เกือบข้ามปี ก็เกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้น โดยจุดเริ่มต้นจากตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร และกลุ่มแรงงานข้ามชาติ

 

การระบาดขยายวงอย่างรวดเร็ว จาก 6 จังหวัด ในช่วงวันที่ 18-20 ธันวาคม 2563 พุ่งเป็น 51 จังหวัดในวันสิ้นปี และเพิ่มเป็น 53 จังหวัดในช่วงวันที่ 3 มกราคม 2564

 

ในวันครบ 1 ปีของการตั้งแนวรบสกัดโควิด-19 ไทยต้องเปิดแนวรบอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่เหลือต้นทุนทางเศรษฐกิจใดๆ ให้ใช้แบบครั้งก่อน 

 

 

วานนี้ (2 มกราคม) นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เราได้เรียนรู้จากมาตรการใช้ยาแรงตั้งแต่ช่วงของเดือนมีนาคม 2563 เราเจ็บปวดกันมาก ช็อกกันช่วงแรกๆ แต่เราเอาอยู่ภายในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม พอถึงเดือนมิถุนายนถึงมีประกาศออกมาอีกฉบับ ครั้งนี้ไม่มีใครอยากได้ยิน แต่ต้องมีผู้ที่เสียสละพื้นที่ที่เป็นสีแดง เราไม่อยากให้ถึงขนาดล็อกดาวน์ แต่อยากให้เป็นการเข้มงวดมากๆ แบบควบคุมสูงสุด 

 

วันพรุ่งนี้ (4 มกราคม) ศบค.จะมีการเสนอให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามประกาศใช้มาตรการรองรับสถานการณ์ โดยแบ่งพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 28 จังหวัด, พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 11 จังหวัด, พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 38 จังหวัด และที่เหลือเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ยังไม่มีการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด แต่ขอความร่วมมือให้เดินทางเท่าที่จำเป็น

 

 

ขณะที่พื้นที่สีแดงให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค การจัดงานหรือกิจกรรมที่เกิดการรวมตัว เช่น งานแต่งงาน เปิดช่องให้ต้องขออนุญาต ส่วนการจำหน่ายอาหาร ให้อำนาจผู้ว่าฯ พิจารณาตามเหมาะสมว่าให้นำกลับหรือนั่งรับประทานที่ร้านได้ ส่วนห้างสรรพสินค้ายังเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ผู้ว่าฯ มีอำนาจพิจารณาตามความเหมาะสมได้

 

อย่างไรก็ตาม มาตรการในฉบับนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นอยู่กับการอำนาจและดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising