วันเลือกตั้ง

Facebook เปิดมาตรการสร้างความโปร่งใส กวาดล้างผู้ใช้-บัญชีปลอม ปูทางเลือกตั้ง 2562

22.01.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • เฟซบุ๊กจะให้ความสำคัญกับการกวาดล้างบัญชีผู้ใช้แอ็กเคานต์ปลอมและโฆษณาชวนเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 เพื่อให้แพลตฟอร์มโปร่งใส พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
  • Making Advertising More Transparent หรือแนวทางการทำให้โฆษณาโปร่งใสมากขึ้น คือวิธีการที่เฟซบุ๊กจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในช่วงเลือกตั้ง โดยเดือนมิถุนายนนี้จะเริ่มปล่อยฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบได้ว่าเงินสนับสนุนซื้อโฆษณาหาเสียงมีต้นทางแหล่งเงินทุนมาจากใคร กลุ่มเป้าหมายในการซื้อโฆษณาเป็นใครบ้าง
  • เฟซบุ๊ก ประเทศไทย เผยว่ามีการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งมาโดยตลอด เพียงแต่ยังไม่มีการกำหนดขอบเขตและวาระความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม

ข่าวปลอม (Fake News) บัญชีผู้ใช้แอ็กเคานต์ปลอม และการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ คืออุปสรรคปัญหาใหญ่ที่เฟซบุ๊กในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์มต้องเผชิญมาตลอดในช่วงระยะ 4-5 ปีหลังสุด

 

โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ที่มาตรวจพบภายหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้วว่าเพจและบัญชีผู้ใช้จำนวนมากที่มีต้นทางจากรัสเซียมีความพยายามจะแทรกแซงการเลือกตั้งในช่วงดังกล่าว โดยใช้ข่าวปลอมและข้อมูลชวนเชื่อปลุกปั่นผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในสหรัฐอเมริกา แถมยังมีการซื้อโฆษณาจนคอนเทนต์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้าง

 

เมื่อเห็นว่าปัญหาเหล่านั้นต้องถูกแก้ไข เฟซบุ๊กจึงเร่งยกระดับมาตรการต่างๆ กวาดล้างข่าว-บัญชีผู้ใช้ปลอมเพื่อให้แพลตฟอร์มปลอดภัยสำหรับการใช้งาน และเป็นพื้นที่เสรีที่ผู้ใช้ทุกคนจะสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้โดยไม่มีการปิดกั้น

 

วันนี้ (22 ม.ค.) เฟซบุ๊ก ประเทศไทย โดย เคธี ฮาร์บาธ ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองระดับโลกและการประสานงานภาครัฐของเฟซบุ๊ก ได้นำเสนอมาตรการต่างๆ ที่เฟซบุ๊กได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2016 เพื่อให้แพลตฟอร์มปลอดภัยและโปร่งใสสำหรับผู้ใช้งาน สนับสนุนให้คนออกไปเลือกตั้ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือลดการแทรกแซงในช่วงเลือกตั้งจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี

 

 

5 มาตรการที่เฟซบุ๊กจะใช้เพื่อป้องกันการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่เหมาะสม

  1. กวาดล้างบัญชีผู้ใช้ปลอม (Cracking Down on Fake Accounts)
  2. ลดการแพร่กระจายของข่าวปลอม (Reducing The Distribution of False News)
  3. ทำให้โฆษณาโปร่งใสมากขึ้น (Making Advertising More Transparent)
  4. ยับยั้งการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์ม (Disrupting Bad Actors)
  5. สนับสนุนการให้ข้อมูลในช่วงเลือกตั้ง (Supporting an Informed Electorate)

 

ตัวอย่างเช่น (1.) การกวาดล้างบัญชีผู้ใช้ปลอม เฟซบุ๊กเผยว่าจะเป็นรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ โดยขั้นตอนแรกจะใช้ระบบอัตโนมัติตรวจจับข้อมูลเพื่อค้นหาบัญชีปลอมก่อน แล้วนำ AI มาระบุตัวตน ซึ่งเคลมว่าสามารถตรวจจับบัญชีปลอมก่อนจะมีการรายงานเข้ามาได้มากถึง 99.6% (ไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2018 ที่ผ่านมากำจัดบัญชีผู้ใช้ปลอมไปแล้วกว่า 1.5 ล้านราย)

 

ก่อนจะให้ทีมงานคนจำนวนกว่า 30,000 คนที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงมาช่วยตรวจจับและสแกนในขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้ง เนื่องจากรูปแบบและวิธีการของผู้ที่ไม่ประสงค์ดีในการสร้างบัญชีปลอมมีการพัฒนาและก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา ขณะที่อีกมาตรการคือ (2.) ลดการแพร่กระจายของข่าวปลอม ซึ่งเฟซบุ๊กบอกว่าจะนำหลัก ‘ลบ ลด แจ้ง (Remove. Reduce. Inform)’ มาใช้จัดการกับข่าวปลอมหรือคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมนำระบบการให้คะแนนโพสต์เข้ามาใช้

 

ส่วน (3.) การทำให้โฆษณาโปร่งใสมากขึ้น เฟซบุ๊กได้เริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั่วไปสามารถเข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลของเพจได้แล้วผ่านแถบ ‘Info and Ads’ ในหน้าเพจนั้นๆ ซึ่งจะโชว์รายละเอียดตั้งแต่เพจเปลี่ยนชื่อมาแล้วกี่ครั้ง เริ่มสร้างเพจขึ้นมาวันไหน มีต้นทางการใช้งานมาจากประเทศใดเป็นหลัก (ข้อนี้ก็เพื่อเช็กว่าเพจนั้นๆ นำเสนอประเด็นไหน อาศัยอยู่ในประเทศใด เพื่อเชื่อมโยงกับเจตนาในการทำคอนเทนต์) และสุดท้ายยังสามารถเลือกดูได้ด้วยว่าคอนเทนต์ที่ถูกซื้อโฆษณาถูกสนับสนุนโดยใคร

 

สุดท้ายทั้ง (4.) การยับยั้งการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มและ (5.) การสนับสนุนการให้ข้อมูลช่วงเลือกตั้ง เฟซบุ๊กบอกว่าจะเป็นไปในรูปแบบการทำงานร่วมกันกับองค์กรอื่นๆ หรือเรียนรู้จากรัฐบาลในแต่ละประเทศ เช่น สภาแอตแลนติก ฝ่ายห้องปฏิบัติการวิจัยนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล (Digital Forensic Research Lab) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รับข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น ก่อนจะกดแชร์ต่อหรือแสดงความคิดเห็น

 

โดยการสนับสนุนจากแต่ละประเทศในช่วงเลือกตั้ง เฟซบุ๊กเปิดเผยว่าจะมีการให้ข้อมูลพรรคที่ลงสมัครเลือกตั้งตั้งแต่ช่วงก่อนวันเลือกตั้ง (Pre Election Day), กระตุ้นให้คนออกไปใช้สิทธิ์และชวนเพื่อนออกไปเลือกตั้งในวันจริง (Election Day) ผ่านฟีเจอร์แจ้ง Voter Tools ไปจนถึงการจัดทำกิจกรรมช่วงหลังวันเลือกตั้ง (Post Election Day)

 

ระเบียบข้อบังคับการหาเสียงช่วงเลือกตั้งบนโลกออนไลน์

แม้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะยังไม่ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาก็ได้เผยแพร่ระเบียบและประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 9 ฉบับ โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง

 

ใจความบางส่วนของประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง 9 ฉบับดังที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงบนพื้นที่ออนไลน์ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

 

1. ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ประเภทของค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร – (ข้อ 3) กำหนดให้ค่าใช้จ่ายการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือค่าบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ครอบคลุมแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก, ไลน์, ทวิตเตอร์, ยูทูบ, อินสตาแกรม, กูเกิล, แอปพลิเคชัน เป็นต้น

 

2. ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร – (ข้อ 4) ให้นิยามการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การหาเสียงเลือกตั้งที่กระทำผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อหาเสียงเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนโดยทั่วไป

 

3. ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

 

  • หมวด 2 การหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ 1 ‘วิธีการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์’
    • ข้อ 7 – การหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดแล้วแต่กรณี สามารถหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเอง หรือมอบ ว่าจ้างบุคคลหรือนิติบุคคลดำเนินการแทน ครอบคลุมเว็บไซต์, โซเซียลมีเดีย, ยูทูบ, แอปพลิเคชัน, อีเมล,​ เอสเอ็มเอส และสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท
    • ข้อ 8 – การหาเสียงเลือกตั้งตามข้อ 7 ให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองสามารถระบุชื่อ, รูปถ่าย, หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร,​ ชื่อพรรค, สัญลักษณ์พรรค, นโยบายพรรค, คติพจน์-คำขวัญ หรือข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร

 

  • หมวด 2 การหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ 2 ‘การแจ้งวิธีการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์’
    • ข้อ 9 – การหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้สมัครแจ้งวิธีการ รายละเอียด ช่องทาง ระยะเวลาการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องตามแบบที่กำหนดท้ายระเบียบให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบตั้งแต่วันสมัครรับเลือกตั้งเป็นต้นไป หรือก่อนดำเนินการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์

 

  • หมวด 2 การหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ 3 ‘การหาเสียงเลือกตั้งโดยบุคคลที่มิได้เป็นผู้สมัครหรือมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง’
    • ข้อ 10 – ในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้บุคคลที่มิได้เป็นผู้สมัครหรือมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ประสงค์จะหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด แสดงชื่อและชื่อสกุล หรือชื่อนิติบุคคล หรืออาจแสดงชื่อย่อ สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายใดที่สามารถระบุเจาะจงตัวบุคคลที่ดำเนินการได้ ส่วนสื่อที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องระบุชื่อและชื่อสกุลหรือชื่อนิติบุคคลของผู้จัดทำเช่นกัน โดยการแสดงตนระบุข้อมูลอาจกระทำในรูปแบบตัวอักษร ภาพ หรือเสียงก็ได้

 

    • ข้อ 11 – บุคคลที่มิได้เป็นผู้สมัครหรือมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรายการค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้รวมแล้วเกินกว่า 10,000 บาทขึ้นไป ผู้นั้นต้องแจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมืองทราบ

 

ทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องแจ้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบ ส่วนในกรณีพรรคการเมืองให้แจ้งต่อเลขาธิการทราบ (1) ค่าจ้างจัดทำสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์, (2) ค่าตอบแทนในการดำเนินการ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดเพื่อให้ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ โซเซียลมีเดีย อีเมล โปรแกรมค้นหา หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น รับรู้ถึงการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์

 

    • ข้อ 12 – กรณีที่ผู้สมัครหรือพรรคยินยอมการใช้จ่ายเพื่อหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลที่มิได้เป็นผู้สมัครหรือมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ให้นับรวมรายการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นด้วย

 

  • หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง
    • ข้อ 18 – ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดหาเสียงเลือกตั้งในลักษณะที่ให้ผู้ประกอบอาชีพ เจ้าของกิจการเกี่ยวกับรายการทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา เช่น นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สื่อมวลชน เป็นต้น ใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพดังกล่าวเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครอื่นหรือพรรคการเมือง

 

 

บทบาทของเฟซบุ๊กกับการเลือกตั้งประเทศไทย 2562

เฟซบุ๊กกล่าวว่าหน้าที่ของพวกเขาในการดูแลแพลตฟอร์มช่วงเลือกตั้งประเทศไทยในปี 2562 นี้ก็ไม่ต่างจากการควบคุมนโยบายแพลตฟอร์มในประเทศอื่นๆ ช่วงเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสผ่านทั้งการสกัดกั้นการแพร่กระจายของข่าวปลอม กวาดล้างแอ็กเคานต์ปลอม และทำให้การหาเสียงเลือกตั้งโปร่งใส

 

วิธีที่จะทำให้การซื้อโฆษณาหาเสียงบนแพลตฟอร์มโปร่งใสได้ เฟซบุ๊กเปิดเผยว่าในช่วงเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถตรวจสอบได้ว่าโฆษณาคอนเทนต์การเมืองหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง (Political Ads) ของแต่ละเพจการเมืองหรือแต่ละพรรคมีใครเป็นคนสนับสนุนเงินแหล่งทุนโฆษณา หรือโฆษณามีการระบุเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานรายใด เพศ หรือช่วงวัยใดเป็นพิเศษ (Audience Targeting) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้อย่างชอบธรรม

 

อย่างไรก็ดี ตามที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการเลือกตั้งในประเทศไทยมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าฟีเจอร์ดังกล่าวอาจจะไม่ทันพร้อมใช้งานช่วงเลือกตั้งประเทศไทย ทั้งนี้เคธีและทีมงานเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าอาจจะพิจารณาการเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ว่าตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี

 

ขณะที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานเฟซบุ๊กที่ประจำการอยู่ที่ประเทศไทยยังให้ข้อมูลกับ THE STANDARD อีกด้วยว่ามีการพูดคุยหารือกับทาง กกต. มาโดยตลอด เพียงแต่ยังไม่มีการกำหนดขอบเขตและวาระความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม

 

เคธีกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่เธอทำงานกับเฟซบุ๊กและอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกได้เกิดการเลือกตั้งขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริบทการเลือกตั้งรวมถึงสถานการณ์ในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันออกไป (แต่ละประเทศมีข้อบังคับการเลือกตั้งที่ไม่เหมือนกัน)

 

ดังนั้นเป้าหมายของเธอและเฟซบุ๊กในการพัฒนาแพลตฟอร์มคือทำให้มั่นใจว่าเฟซบุ๊กจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานในการแสดงความคิดเห็น มีความโปร่งใส เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ พร้อมให้สัญญาว่าเฟซบุ๊กจะดำเนินการตามนโยบายที่สอดคล้องกับทาง กกต. ของประเทศนั้นๆ รวมถึงประเทศไทย

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising