THE STANDARD WEALTH - สำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน

×
THE STANDARD HOME ECONOMIC MARKET BUSINESS CRYPTOCURRENCY OPINION WEALTH MANAGEMENT WORK & LEADERSHIP LIFESTYLE & PASSION
EXCLUSIVE CONTENT BY SCB WEALTH

ตลาดเงินทั่วโลกระทึกโควิดสายพันธุ์ใหม่ จับตา ‘หุ้นไทย’ แนวรับสำคัญ 1,600 จุด กลุ่มเปิดเมืองเสี่ยงถูกเทขายทำกำไร

... • 29 พ.ย. 2021

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ความเสี่ยงตลาดการเงินทั่วโลกช่วงท้ายปี 2021 ถูกยกระดับขึ้นอีกครั้งจากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจนำไปสู่การล็อกดาวน์ในหลายประเทศอีกครั้ง
  • การระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่เพิ่มความเสี่ยงการลงทุน โดย SCBS แนะนำ ระยะสั้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลดูน่าสนใจมากขึ้น ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นควรเน้นธุรกิจที่เติบโตดีในระยะยาวเป็นหลัก
  • จับตา Fed อาจลดขนาดของมาตรการ QE และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น หากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
  • ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและประเทศมีความเสี่ยงถูกขายทำกำไร ขณะที่หุ้นพลังงานมีแนวโน้มผันผวนแรง
  • ยก ADVANC หุ้นเด่นประจำสัปดาห์ ระยะยาวได้ประโชน์จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการจะลดลงจาก 3 ราย เหลือ 2 ราย หากแผนควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC เสร็จภายในปีหน้า

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) มองว่า ตลาดการเงินยังคงมีปัจจัยกดดันเดิมๆ ได้แก่ เรื่องเงินเฟ้อ, การยกเลิกมาตรการ QE และความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนเป็นระยะๆ ในช่วงท้ายปี 2021 ทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น โดยปัจจัยเสี่ยงใหม่คือการระบาดรอบใหม่ของโควิดสายพันธุ์ใหม่ ว่าจะต้องนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาอีกหรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้นคือ วัคซีนที่ฉีดไปแล้วยังคงมีประสิทธิภาพหรือไม่

 

ติดตามอะไรต่อไป?

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งหากปรับสูงขึ้นเกินกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ประมาณ 5.6 แสนตำแหน่ง อาจทำให้ Fed ส่งสัญญาณลดทอน QE รวมถึงขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ในการประชุม FOMC วันที่ 14-15 ธันวาคม

 

การระบาดรอบใหม่ของโควิดในยุโรป โดยสถานการณ์ล่าสุดของการระบาดในยุโรปนั้นพบว่า ผู้ที่ติดเชื้ออาการหนักส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้เรายังเชื่อว่าการฉีดวัคซีนของชาวยุโรปที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 60-70% แล้วทำให้จำนวนผู้ป่วยหนักไม่สูงมากนัก จะช่วยทำให้ทางการไม่จำเป็นต้องนำมาตรการล็อกดาวน์มาใช้เหมือนช่วงที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามประเด็นการกลายพันธุ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เนื่องจากความเสี่ยงในตลาดการเงินมีโอกาสเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2021 จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยในระยะสั้น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลดูน่าสนใจมากขึ้นหากตลาดเกิดภาวะ Risk-Off ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น แนะนำธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตดีในระยะยาวเป็นหลัก

 

หุ้นไทยจับตาแนวรับสำคัญ 1,600 จุด

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลกมากขึ้นในระยะสั้น จากปัจจัยเสี่ยงร่วมเรื่องโควิดและราคาน้ำมันดิบ (ติดตามผลการประชุม OPEC)

 

ทั้งนี้ SET Index จะมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุด เป็นจุดตัดสินทิศทางต่อไป คาดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและประเทศจะมีความเสี่ยงถูกขายทำกำไร เช่น การบิน ท่องเที่ยว หุ้นพลังงาน มีโอกาสผันผวนแรง ในขณะที่หุ้น Defensive เช่น กลุ่มการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ และไอซีที มีโอกาส Outperform ตลาด

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกปรับตัวลดลง 0.6% นำโดยตลาดเกิดใหม่ (EM) ลดลง 1.1% ส่วนตลาดพัฒนาแล้ว (DM) ลดลง 0.5% ซึ่งตลาดกลับมากังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิดในสหรัฐฯ และยุโรปที่ทำจุดสูงสุดใหม่ นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการถอน QE ที่เร็วกว่าที่คาด ส่งผลให้มีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมายังเป็นภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

 

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น แนะนำให้รอดูสถานกาณ์โควิด เนื่องจากเพิ่งเริ่มรุนแรง โดยแนะนำซื้อเมื่อราคาหุ้นพื้นฐานดีอ่อนตัว สำหรับการลงทุนในระยะกลาง-ยาว ยังคงชอบหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป

 

ส่วนตลาดหุ้นไทย แนะนำรอซื้อหุ้นที่มีลักษณะของรายได้ในประเทศสูงและได้ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งราคามีโอกาสลดลงในช่วงสั้นจากความกังวลโควิด ได้แก่ KBANK, ADVANC, ZEN, CRC, HTC, HMPRO

 

ปัจจัยเสี่ยงเรื่องโควิดมีโอกาสกดดันตลาดหุ้นโลกมากขึ้น การแพร่ระบาดของโควิดในยุโรปและสหรัฐฯ ได้เริ่มส่งผลกับ Sentiment ของหุ้นกลุ่ม Reopening และกลุ่มที่อิงกับภาพเศรษฐกิจ แม้ว่าตลาดยังคงเชื่อมั่นต่อวัคซีน และการไม่มีมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้น ช่วยลดโอกาสเกิด Panic Sell แต่เนื่องจากสถานการณ์ระบาดเพิ่งเริ่มรุนแรง ดังนั้นตลาดหุ้นโลกจึงมีความเสี่ยงผันผวนจนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ได้แก่ ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเริ่มคลี่คลาย

 

ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้

  1. ท่าทีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก หลังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรร่วมมือระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง เพื่อยับยั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
  2. การระบาดของโควิดในยุโรป ซึ่งหากมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนธันวาคม มีโอกาสที่รัฐบาลยุโรปจะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุม
  3. ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ และจีน เดือนพฤศจิกายน

 

ADVANC หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์

SCBS เลือกแนะนำ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เนื่องจากเหตุผลหลัก ดังนี้

 

  1. ระยะยาวคาดได้ประโยชน์หลังการแข่งขันในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ประกอบการจะลดลงจาก 3 ราย เหลือ 2 ราย หากแผนควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC เสร็จสิ้นภายในปีหน้า
  2. 4Q21 คาดกำไรดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หลังการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้บรรยากาศจับจ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัว ช่วยหนุนให้รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลับมาโตดีขึ้น
  3. มองเป็นหุ้นที่น่าสนใจในฐานะเป็น Domestic Plays ที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองปัจจัยพื้นฐานมากนัก โดยเราประเมินราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 235 บาท และคาดให้ Div. Yield สูงจูงใจราวปีละ 6.5%

 

มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO

 

 

ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว

ความน่าสนใจระดับ 4

 

ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วยังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน และการทยอยเปิดเมือง ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน 3Q21 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบการระบาดโควิดต่อเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาอุปทานขาดแคลน และการทยอยปรับลดวงเงิน QE ของ Fed

 

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ความน่าสนใจระดับ 4

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นกลุ่ม Value/Cyclical มีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการส่งสัญญาณลด QE เร็วกว่าเดิม จากความคืบหน้าแผน Build Back Better (BBB) ซึ่งคาดว่าจะผ่านเป็นกฎหมายได้ภายในสิ้นปีนี้ และจากกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีน และการผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาด หุ้นกลุ่ม Growth มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อ จากความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง และกลุ่มฯ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบไม่มาก หากปัญหาอุปทานและแรงงานที่ขาดแคลนยืดเยื้อกว่าคาด ประกอบกับข้อเสนอการจัดเก็บภาษีใหม่กับบริษัทสหรัฐฯ ภายใต้แผน BBB มีแนวโน้มเริ่มผลบังคับใช้ได้ในปี 2023 ทั้งนี้ เราแนะนําสัดส่วนการถือครองหุ้น Growth และ Value/Defensive อยู่ที่ 70:30

 

กองทุนแนะนำ

 

 

  • SCB Global Experts Fund

กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก

 

 

ตลาดหุ้นยุโรป

ความน่าสนใจระดับ 4

 

ตลาดหุ้นยุโรปเรามองว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ค่อนข้างจำกัดจากมาตรการควบคุมแบบไม่ครอบคลุม แต่มาตรการจะยืดเยื้อจากปัญหาการขาดแคลนอุปทานในยุโรปที่เป็นปัจจัยกดดันหลัก อย่างไรก็ดี เรามองว่างบดุลของประชาชนนั้นแข็งแกร่ง ซึ่งจะมี Pent-Up Demand หลังการแพร่ระบาดบรรเทาลง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่จะเริ่มบรรเทาลงหลังจากนี้ อีกทั้ง ECB ยังคงผ่อนคลายและอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้ากว่ากลุ่มประเทศอื่น ซึ่งเราแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Growth เป็นหลัก

 

กองทุนแนะนำ

 

 

  • Krungsri Europe Equity Hedged Fund

กองทุน KFHEUROP-A ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักมีความสามารถในการคัดเลือกหุ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น ปัจจุบันเน้นลงทุนในกลุ่ม Technology และ Industrial

 

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ความน่าสนใจระดับ 4

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมี Valuation ถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น DM อื่นๆ (Laggard Play) และ EPS Growth ยังมีแนวโน้มถูกปรับขึ้น มองภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วง Peak Growth และ Peak Earning ใน 4Q21 ในขณะที่ความเสี่ยงเงินเฟ้อยังต่ำ ด้านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ วงเงินเบื้องต้นอยู่ที่ราว 40 ล้านล้านเยน และแคมเปญส่งเสริมการใช้จ่ายและเงินอุดหนุนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในช่วงก่อนหน้า จะเป็นการช่วยดึงอุปสงค์ที่ตกค้างและเร่งการใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

 

ตลาดหุ้นจีน H-Share

ความน่าสนใจระดับ 3

 

ดัชนีหุ้นจีน Offshore อยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับต้นปี และเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลกและดัชนีหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่ม Internet Platform ทำให้ Valuation ตลาดฯ มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น หากทางการจีนเริ่มชะลอการออกมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับ Internet Platform ออกไป อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการ บจ. ของกลุ่มฯ ใน 4Q21 ยังมีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง ตามผลกระทบทางลบจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวจำกัด และแรงกดดันจากมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบที่มีอยู่

 

 

ตลาดหุ้นจีน A-Share

ความน่าสนใจระดับ 3

 

ดัชนีหุ้นจีน Onshore มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการที่ทางการจีนอาจออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสำหรับปี 2022 (CEWC) ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้

 

นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นมีแนวโน้มเร่งใช้โควตาออกพันธบัตรท้องถิ่นพิเศษ เพื่อใช้จ่ายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีโอกาสจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม การคงมาตรการคุมการระบาดของทางการจีนตามนโยบาย Zero-Tolerance อาจกดดันต่อภาพการฟื้นตัวของภาคบริโภคจีนในช่วงสั้น

 

 

ตลาดหุ้นไทย

ความน่าสนใจระดับ 3

 

การผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดจะสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ โดยเรามองเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวถูกกดดันจากการแพร่ระบาดในยุโรป Valuation หุ้นไทยยังคงตึงตัว (PE เทรดที่ราว +1SD) แต่นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงหลังเปิดประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยว จะช่วยหนุนหุ้นไทยให้มีความตึงตัวได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม การเติบโตของหุ้นไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง

 

 

ตลาดหุ้นเวียดนาม

ความน่าสนใจระดับ 4

 

ทางการเวียดนามตั้งเป้า GDP ในปี 2022 ขยายตัว 6-6.5% ซึ่งดีขึ้นจากปีนี้ที่อาจขยายตัวได้เพียง 1-2% ด้าน Consensus คาดว่า EPS Growth ของ VN-Index ปี 2021 และปี 2022 จะ +34%YoY และ +24%YoY ขณะที่สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเวียดนามยังไม่สูง และ Valuation ของตลาดฯ ยังไม่แพง เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในอดีต และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในอาเซียน ประกอบกับความเชื่อมั่นนักลงทุนรายย่อยที่ยังฟื้นตัว จะช่วยหนุนตลาดฯ ในช่วงที่เหลือของปี

 

กองทุนแนะนำ 

 

 

  • Principal Vietnam Equity Fund

กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return

 

 

ทองคำ

ความน่าสนใจระดับ 2

 

ราคาทองคำมีแนวโน้มถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และ Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้น หลัง Fed ทยอยปรับลดวงเงิน QE รวมทั้งจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

 

 

น้ำมัน

ความน่าสนใจระดับ 3

 

ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การระบายน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ร่วมกับประเทศพันธมิตร ยังน้อยกว่าคาด และส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก เรื่องการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 (29 พฤศจิกายนนี้) มีความเสี่ยงที่อิหร่านอาจจะกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง ทั้งนี้ ติดตามการประชุม OPEC+ (2 ธันวาคม) ว่าจะมีแผนในการปรับเปลี่ยนกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ หรือไม่

 

 

REITs ประเทศพัฒนาแล้ว

ความน่าสนใจระดับ 4

 

REITs ประเทศพัฒนาแล้ว มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการทยอยเปิดเมืองตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ REITs ที่เกี่ยวข้องกับ Reopening Theme ที่มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว เช่น กลุ่ม Residential, Retail, Office รวมทั้งผลประกอบการใน 3Q21 ส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม REITs ประเทศพัฒนาแล้วได้รับปัจจัยกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง

 

 

REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)

ความน่าสนใจระดับ 4

 

REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดย REITs ไทยได้รับ Sentiment เชิงบวก จากการเปิดประเทศ และ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ นอกจากนี้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จะเป็นแรงหนุนการลงทุนด้าน REITs สิงคโปร์ได้รับประโยชน์จากนโยบาย Vaccinated Travel Lanes (VTL) ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่อัตราการติดเชื้อใหม่ในสิงคโปร์มีแนวโน้มลดลง หลังประชากรราว 24% ได้รับ Booster Shot

กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความ EXCLUSIVE CONTENT ฟรี!

อีเมลนี้ถูกใช้สมัครสมาชิกเข้ามาในระบบแล้ว

กรุณาตรวจสอบกล่องจดหมายในอีเมลที่ใช้สร้างบัญชีกับ
The STANDARD จากนั้นทำการยืนยันอีเมลของคุณ

หากค้นหาไม่พบอีเมลที่กล่องจดหมายเข้า (inbox)
กรุณาตรวจสอบที่กล่องจดหมายขยะ (junk mail)

... • 29 พ.ย. 2021

READ MORE



Latest Stories