วันเลือกตั้ง

กสิกรไทยคาด มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรับเลือกตั้ง ชี้บาทแข็งทำเสียโอกาส 7.5 หมื่นล้านบาท

17.10.2018
  • LOADING...

ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนา ‘ความเสี่ยงและโอกาสการลงทุนในภาวะสงครามการค้าโลก’ โดยมีตัวแทนจากทางธนาคารโลก (World Bank) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้เชี่ยวชาญของธนาคาร ร่วมประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์กีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

 

ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กลุ่มธนาคารโลก ประเมินภาพรวมว่าเศรษฐกิจโลกขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงแล้ว หลังจากที่ดีต่อเนื่องมา 2 ปีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เห็นได้จากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในเอเชีย รวมถึงจีน แต่เชื่อว่าจะกระทบกับประเทศแถบอาเซียนไม่มากนักเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมในจีน มาเลเซียจะได้รับผลกระทบมากกว่าไทย เนื่องจากมีสินค้าที่ส่งออกเพื่อผลิตในจีนต่อมากกว่า

 

คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไทยจะเติบโต 3.9% ในปี 2562 ซึ่งถือว่าเต็มศักยภาพแล้ว สิ่งสำคัญคือการแก้ไขปัญหาที่ยังเป็นคอขวดทางเศรษฐกิจทั้งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่ควรจะทำให้ง่ายขึ้น การปรับปรุงภาครัฐวิสาหกิจ และสิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งตอนนี้แรงงานที่มีความรู้ความสามารถของไทยยังกระจุกตัวอยู่

 

สำหรับทิศทางของความขัดแย้งด้านนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาจะทนแรงกดดันจากภาคธุรกิจและการลงทุนไม่ไหว เห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงหนัก และความไม่พอใจของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียง ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงทางการเมืองในอนาคต

 

ขณะที่ กอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกำลังการต่อสู้ของสองชาติมหาอำนาจโดยมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตอนนี้ถือว่าได้เปรียบกว่าประเทศจีน เห็นได้จากนโยบายสำคัญที่สหรัฐฯ พยายามควบคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวและค่าเงินหยวนอ่อน จึงต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าสวนทางกัน ดังนั้นจีนอาจจะไม่ยอมแลกหมัดเพื่อเจ็บตัวไปนานกว่านี้

 

กอบสิทธิ์มองว่าตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ที่ 1.33% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีเงินเฟ้อโลก (World CPI) ที่ 3.1% หรือเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ระดับเงินเฟ้อก็ยังอยู่ที่ 2.1% ทำให้ยังมีเงินเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อยู่ แต่เข้าไปที่ตลาดหุ้นน้อยลง โดยมองว่าขณะนี้ค่าเงินบาทยังถือว่าแข็ง ทำให้เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสในภาคการส่งออกเมื่อคำนวณกลับมาในรูปเงินบาทราว 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องดูจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจจะยังไม่ปรับขึ้นช่วงนี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินได้

 

ส่วน ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย คาดหวังว่าการลงทุนจากภาคเอกชนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปีหน้าภายใต้เงื่อนไขที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าเชื่อว่าจะทุเลาลงภายในสิ้นปีนี้

 

นอกจากนี้ยังประเมินว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2562 และผลการเลือกตั้งอาจจะไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก ทำให้นโยบายด้านเศรษฐกิจยังเดินหน้าได้ต่อเนื่องไม่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คาดว่านโยบายกระตุ้นการบริโภคในประเทศยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสินค้ากึ่งคงทนหรือสินค้าไม่คงทนอาจอยู่ในรูปนโยบายช้อปช่วยชาติแบบที่เคยทำกันมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก ท่องเที่ยว และโรงแรม

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising