วันเลือกตั้ง

ประชาธิปัตย์ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ 16 จังหวัด ย้ำนโยบาย ‘แก้จน สร้างคน สร้างชาติ’

โดย THE STANDARD TEAM
27.01.2019
  • LOADING...

วันนี้ (27 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลภาคเหนือ, นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์, นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคฯ เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือของพรรคทั้งหมด 16 จังหวัด 62 เขตเลือกตั้ง ที่พุทธสถาน จังหวัดเชียงใหม่

 

ประกอบด้วย กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, น่าน, พะเยา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, เชียงใหม่ และเชียงราย

 

โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวปราศรัยว่า ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครครบทุกเขตการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ผูกพันกับชาวเหนือมาตั้งแต่รุ่นผู้ก่อตั้งพรรค และผู้ใหญ่หลายคนในพรรคเราผูกพันกับพี่น้องชาวเหนือ และเห็นว่าพี่น้องคนไทยจะต้องมาเป็นที่หนึ่งของประเทศ ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับพี่น้องชาวเหนือหลายพื้นที่และหลายครอบครัว หลายคนไม่เคยทราบว่าในการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เคยได้คะแนนจากภาคเหนือเยอะมาก 30-40% แต่เนื่องด้วยระบบการเลือกตั้ง ทำให้เรามีผู้แทนในสภาฯ น้อยลง แต่ตอนนี้ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยิ่งหากประชาชนมาเลือกเรามากเท่าไร ประชาธิปัตย์ก็จะมีโอกาสได้ผู้แทนในสภามากเท่านั้น เรารอคอยการเลือกตั้งมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่เคยนานขนาดนี้ พวกเราตกงานไม่เป็นไร แต่พี่น้องไม่มีผู้แทนมาดูแลหรือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องทำให้ทุกคนหลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ เราอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทำ 3 อย่างคือ ‘แก้จน สร้างคน สร้างชาติ’ 1. แก้จน โดยการสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินจาก 500 บาท เป็น 800 บาท และสามารถกดเงินสดออกมาใช้จ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านร้านค้าธงฟ้าอย่างเดียว

 

นโยบายโฉนดสีฟ้า ต่อยอดจากนโยบายโฉนดชุมชน ให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่ดินทำกิน มีโฉนดภายใน 4 ปี ที่ดิน ส.ป.ก. เอาไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนทำมาหากินได้ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้ ม.44 ให้ใช้ที่ดินสาธารณะทำเหมืองหรือผลิตพลังงาน แต่ไม่เคยใช้ ม.44 มาช่วยเหลือ หรือแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร

 

ส่วนปัญหาเรื่องน้ำ ประชาธิปัตย์จะให้มีกองทุนน้ำชุมชน ให้ชุมชนบริหารจัดการขุดแหล่งน้ำและกระจายน้ำเข้าสู่ไร่นา ระบบประกันภัยพืชผลจากภัยธรรมชาติ และตั้งเป้าหมายราคาพืชผลการเกษตรทุกตัว เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 120,000 บาทต่อปี เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อปี เพิ่มเงิน อสม. 1,000 บาทต่อปี โดยจะต้องมีที่มาของเงินและไม่ทำให้บ้านเมืองล้มละลาย ขณะเดียวกันประชาชนที่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องได้รับสิทธิ์นี้อย่างทั่วถึง นั่นคือรัฐสวัสดิการ

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า 2. สร้างคน โดยนโยบายเกิดปั๊บรับแสน ให้เงินเด็กแรกเกิด 5,000 บาท และจ่ายให้ทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะถึง 8 ขวบ ปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, เพิ่ม 10 วันลาคลอดให้นานขึ้น อาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีจนถึงมัธยมศึกษา เรียนฟรีจนถึงชั้น ปวส. และส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพให้เชื่อมโยงกับเอกชน เพื่อให้จบแล้วมีงานทำทันที แจกคูปองเพิ่มทักษะ 3,500 บาทจำนวน 1 ล้านคนต่อปี เช่น การเรียนภาษา

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า 3. สร้างชาติ เร่งปราบปรามยาเสพติด ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วย จึงเพิ่มอำนาจคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้ส่งฟ้องไปยังอัยการได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งตำรวจ ให้ประชาชนเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้ด้วยตนเอง และยกระดับจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมล้านนา

 

“ในส่วนของภาคเหนือตอนบน จะต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นอารยธรรมล้านนามหานคร เป็นช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การสร้างเศรษฐกิจในชุมชนตามแนวทางที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่สร้างให้คนข้างนอก หรือคนอื่นมาใช้ประโยชน์ แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง

 

“ถ้าจะมีสิ่งที่มาจากข้างนอกคือการสนับสนุนเงินทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับทั้งรถไฟ ระบบราง พัฒนาถนน หรือการจัดให้เชียงใหม่เป็นเมืองพิเศษก็ได้

 

“แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ได้มาทันที เราต้องมีพรรคการเมืองและรัฐบาลที่ให้ประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยสุจริต ไม่ใช่ใหญ่เฉพาะตอนเลือกตั้ง ต้องฟังว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องยอมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย ทั้งจากประชาชน สื่อมวลชน องค์กรอิสระ  กระบวนการยุติธรรม” นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

นายอภิสิทธิ์ยังย้ำว่า ประชาชนต้องเป็นใหญ่ไม่ใช่แค่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เป็น ส.ส. แล้ว เป็นนายกฯ แล้ว ต้องไม่ลืมว่าประชาชนต้องใหญ่

 

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องสุจริต ดังนั้นประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นนายกฯ ที่ฟังเสียง ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และต้องเป็นนายกฯ ที่เคารพการตรวจสอบโดยประชาชน สื่อมวลชน องค์กรอิสระ และองค์กรตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อจะได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีชาติไหนที่สร้างได้ด้วยผู้มีอำนาจที่ทุจริต เราจึงต้องการมีผู้นำที่มีความสุจริต พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน โดยไม่เคยมีคนไหนที่ต้องมลทิน ทุจริตคอร์รัปชัน

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising