วันเลือกตั้ง

ประชาธิปัตย์เปิดนโยบายประกันรายได้ ข้าวเกวียนละหมื่น ยางกิโลฯ ละ 60 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 1.2 แสนต่อปี เบี้ยคนจน 800 ต่อเดือน

21.12.2018
  • LOADING...

(21 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รองเลขาธิการพรรค ในฐานะอดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้ใช้แรงงาน พร้อมประกาศนโยบายเศรษฐกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 6 ข้อ โดยเป็นการต่อยอดจาก 10 นโยบายการศึกษา ซึ่งจะเน้นการยกระดับชีวิตคนไทย ประกอบด้วย

 

1. โครงการโฉนดสีฟ้า จัดทำเป็นโฉนดชุมชนจัดการตนเอง โดยมีการออก พ.ร.บ. โฉนดชุมชนเพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชนอย่างแท้จริง และยกระดับ ส.ป.ก. ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐโดยการกู้ผ่านธนาคารและตกทอดถึงลูกหลานได้ พร้อมเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย เร่งออกโฉนดทันใจ สะสางโฉนดที่ดินที่ค้างท่อมานานที่มีเอกสิทธิ์ ส.ค.1 และ น.ส.3 เพื่อออกสิทธิตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ

 

2. จัดตั้งกองทุนน้ำชุมชนให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี มีเงินทำแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน โดยรับการจัดสรรงบจากผู้เชี่ยวชาญ แนะนำชาวบ้านจัดการแหล่งน้ำด้วยตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นที่ของรัฐ หากเป็นที่ของประชาชน แต่เหมาะสมที่จะทำสระน้ำก็สามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ซึ่งจะต้องปลดล็อกกฎระเบียบของราชการ และใช้ยางพาราในการทำสระน้ำ

 

3. ประกันรายได้เกษตรกรให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด สร้างความมั่นคงรายได้ให้เกษตรกรไทยทุกคนได้มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำการทำอาชีพเกษตรกรรม

  • ข้าว ราคาไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท
  • ยางพารา ราคาไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม
  • ปาล์ม ราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม

 

รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต

 

4. ประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000 ต่อปี ซึ่งถ้าคำนวณรายได้จากค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนแล้วไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็จะจ่ายเงินส่วนต่างให้

 

5. เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน และจะนำไปปรับปรุงโครงการเกี่ยวกับการออมเพื่อการชราภาพ

 

6. เบี้ยสวัสดิการผู้ยากไร้ 800 บาทต่อเดือน ซึ่งจะโอนตรงเข้าบัญชีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ต่อปี โดยให้เสรีภาพในการใช้เงินเพื่อให้ 800 บาทนี้หมุนไปที่ตลาดสดและร้านชำในชุมชน ต่างจากรัฐบาลปัจจุบันที่กำหนดให้ซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐอย่างเดียว

 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่านโยบายทั้ง 6 ข้อนี้จะทำได้ทันทีเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล พร้อมยืนยันว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยทำให้ประเทศเสียหาย ล้มละลาย และสามารถชี้แจงแหล่งเงินที่นำมาจัดทำนโยบายได้

 

และหลังจากนี้พรรคจะใช้นโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่ ยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไกลทันโลก เพื่อรับมือกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านทั้งภาคการผลิตและการบริการ และรองรับการเปลี่ยนแปลงสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำ เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย

 

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าสามารถชี้แจงที่มางบประมาณจัดทำนโยบายได้ โดยจะพัฒนาระบบภาษีใหม่ให้มีความก้าวหน้า คนที่มีกำลังจ่ายมากก็ต้องจ่ายภาษีมากขึ้น แต่ระบบภาษีปัจจุบันของเรา กลุ่มบุคคลที่มีรายได้มากกลับหาช่องทางที่ไม่ต้องจ่ายภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต่างจากมนุษย์เงินเดือนทั่วไป

 

ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าจะต้องมีการตรวจสอบฐานข้อมูลใหม่ของผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะบางคนไม่ได้เป็นผู้มีรายได้น้อยจริง ซึ่งอาจจะกระทบ แต่ต้องยอมรับข้อเท็จจริง

 

พร้อมกันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐที่มีหน่วยงานราชการซื้อโต๊ะจีนว่า ต้องดูว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือข้าราชการไปใช้ระดมทุนหรือไม่ เพราะมีกฎหมายห้ามอยู่แล้ว ดังนั้นหากเป็นเรื่องจริง ทั้งผู้รับและผู้ให้จะมีความผิดโดยไม่เกี่ยวว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้งหรือไม่ แต่หากพรรคพลังประชารัฐคืนเงินระดมทุนก็เท่ากับยอมรับว่ามีความผิดแล้ว

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising