วันนี้ (6 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำทีมแกนนำพรรคลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขนาด 26 นิ้ว บรรจุเอกสารการสมัครมายื่นกับ กกต.
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ก่อนการนำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทยเข้ายื่นใบสมัครว่า พรรคภูมิใจไทยยื่นสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อครบ 150 คน ส่วนการคาดการณ์ว่าจะได้เท่าไรนั้นจะต้องรวมคะแนนที่จะได้แล้วมาหักกับจำนวน ส.ส. เขต พรรคภูมิใจไทยสู้เต็มที่ คิดว่าน่าจะได้จำนวนเป็นที่น่าพอใจ อย่าเพิ่งให้บอกจำนวน เพราะไม่มีใครรู้ คนที่รู้คือคนที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง
ส่วนการเลือกผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อซึ่งส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นนายทุนพรรค นายอนุทินกล่าวว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีเลย คำว่านายทุนของพรรคภูมิใจไทยคือทุกคนมีทุนทางสมอง มีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ มีความทุ่มเท ดูจากหลากปัจจัยประกอบกัน แน่นอนว่าคนที่เสียสละทุ่มเทให้กับพรรคและช่วยเหลืองานพรรคมาตลอด มีความชำนาญ มีประสบการณ์ในการบริหารงานภาคต่างๆ จะเป็นคนที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอในระบบบัญชีรายชื่อ ดูได้เลยว่าไม่มีนายทุนสักคน
คำถามถึงการให้น้ำหนักระหว่าง ส.ส. เขตหรือ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ยุทธศาสตร์ของพรรคให้ความสำคัญอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่าพรรคให้ความสำคัญกับทุกคะแนน เพราะบัญชีรายชื่อต้องมาจากคะแนนจากเขตเท่านั้น ไม่มีคะแนนพรรค ต้องให้ความสำคัญกับผู้สมัครเขตทุกราย เพราะผู้สมัครเหล่านั้นคือคนทำคะแนนที่จะเป็นตัวกำหนดว่า ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อจะเดินเข้าสภาได้กี่คน ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เรียนตรงๆ ว่าต้องการให้เขตชนะเยอะๆ ส.ส. บัญชีรายชื่อเก็บเอาไว้ทำงาน ส่วนคนทำคะแนนให้กับพรรคก็คือผู้สมัครเขต ดังนั้นกำลังใจและแรงเชียร์ทั้งหลายต้องเชียร์ให้เขตได้คะแนนเยอะๆ ให้ได้มากที่สุด หัวหน้าพรรคประกาศไปแล้ว ถ้าเกิดมีเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ปาร์ตี้ลิสต์เป็นศูนย์เลยก็ยินดี
สำหรับกรณีที่มีการเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทุกพรรค มีความมั่นใจในการเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ไหน นายอนุทินกล่าวว่า “สมาชิกพรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจในตัวผมนะครับ จึงได้เสนอชื่อคนเดียวที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะเสนอเป็นผู้นำ”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีความมั่นใจว่าจะสู้ได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “วัดกันตัวๆ สู้ได้หมดครับ (หัวเราะ)… ให้ประชาชนตัดสินครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายพรรคภูมิใจไทยเจาะไปเป็นกลุ่ม มียุทธศาสตร์อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่าคนของพรรคภูมิใจไทยเป็นคนที่เข้าใจพี่น้องประชาชนได้ดีมากที่สุด เข้าถึงชาวบ้าน รู้จิตใจชาวบ้าน รับทราบถึงความรู้สึกของชาวบ้านทั้งความเดือดร้อนและความพึงพอใจ ดังนั้นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยจึงออกมาโดยเน้นถึงเรื่องปากท้องของประชาชนและของชาวบ้านเป็นสำคัญ ครั้งนี้นโยบายของพรรคภูมิใจไทยไม่มีมุ่งไปด้านอื่นเลย นอกจากปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนที่พรรคภูมิใจไทยตั้งใจจะทำให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้มีโอกาสเข้าไปทำงานให้กับบ้านเมือง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์