วันนี้ (22 พ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการจัดประชุมชี้แจงการดำเนินการแก่พรรคการเมือง เรื่องการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง
โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณหลายหมื่นล้าน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ถือเป็นการหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เนื่องจากรัฐมนตรีในรัฐบาลอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า หากพบว่าเป็นการอนุมัติงบประมาณที่เข้าข่ายการหาเสียงล่วงหน้า สำนักงาน กกต. จะเป็นผู้ตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน หากเห็นว่ามีมูลความผิด ก็จะส่งมาให้ กกต. ได้พิจารณา เพื่อตั้งกรรมการไต่สวนต่อไป ซึ่งโดยกระบวนการแล้ว สำนักงาน กกต. จะเข้าไปตรวจสอบ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียน และกรณีนี้เชื่อว่าจะต้องตรวจสอบ เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต. อยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่ดำเนินการแล้วเข้าข่ายผิดกฎหมาย กกต. จะเข้าไปติดตามตรวจสอบอยู่เสมอ แม้สุดท้ายแล้ว ผลการตรวจสอบจะไม่ถือว่าผิดกฎหมายก็ตาม อย่างไรก็ตาม ผู้ใดพบว่ามีมูลความผิด ก็สามารถส่งข้อมูลมาที่ กกต. ได้
ส่วนการตรวจสอบกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทยนั้น ประธาน กกต. เปิดเผยว่า ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบจากสำนักงาน กกต. ตามปกติ ยังไม่ถึงขั้นตอนที่คณะกรรมการ กกต. จะมาพิจารณา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้ขอข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์จากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว
ขณะที่ 19 กลุ่มการเมืองในนามกลุ่มสหพรรคการเมืองไทย นำโดย นายสาธุ อนุโมทามิ หัวหน้าพรรคพลังไทยดี เดินทางมายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม 2562
โดยนายสาธุให้เหตุผลว่า เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ฉบับปัจจุบันยังใหม่ มีรายละเอียดขั้นตอนค่อนข้างมาก อาจทำให้เป็นอุปสรรคต่อพรรคการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งใหม่และพรรคที่อยู่ระหว่างจัดตั้ง โดยเฉพาะในเรื่องการหาเสียง ทำให้เสียโอกาสในการนำเสนอนโยบายต่อประชาชน
นอกจากนี้ นายสาธุยังอ้างว่า การเสนอเลื่อนเลือกตั้งเพื่อให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะ กกต. ได้มีเวลาเตรียมความพร้อมมากขึ้น ยืนยันว่า เราพร้อมจะแข่งขันหากถึงวันเลือกตั้ง เพียงแต่เห็นว่ากระบวนการอาจไม่สมบูรณ์ เพราะ กกต. ต้องทำอีกหลายเรื่อง เช่น การรับสมัคร ส.ว. ขณะที่เจ้าหน้าที่อาจไม่เพียงพอ และเมื่อดูจากข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว เกรงว่า กกต. จะทำหน้าที่ไม่ทัน
พร้อมยืนยันว่า ไม่มีใบสั่งจากใคร โดยให้ไปดูประวัติของพวกเราได้ ว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล