จากปรากฏการณ์สะเทือนทางการเมือง เมื่อพรรคไทยรักษาชาติเสนอพระนาม ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของพรรค
แรงสะเทือนทางการเมืองระลอกใหญ่ครั้งนี้สะท้อนกลับไปที่พรรคไทยรักษาชาติแบบเต็มๆ โดยเฉพาะเมื่อคณะกรรมการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติพิจารณารับคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติตามที่ กกต. ยื่นคำร้อง
เวลานี้ ‘พรรคไทยรักษาชาติ’ เสมือนยืนอยู่บนทางสามแพร่ง ซึ่งก็ได้แค่รอลุ้นว่าจะถูกกำหนดให้ต้องเดินไปทางใด
แพร่งที่ 1 หากศาลตัดสินให้ยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
- คณะกรรมการบริหารพรรค 14 คน (ลาออก 1 คน) จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายอุดม รัฐอมฤต อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ในอดีตหากยุบพรรคจะตัดสิทธิทางการเมืองซึ่งผูกกับสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี แต่ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันจะแยกระหว่าง ‘สิทธิเลือกตั้ง’ และ ‘สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง’
นายอุดมบอกว่าหากถูกยุบพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตีความได้ว่าต้องถูกตัดสิทธิดังกล่าวตลอดชีวิต
ซึ่งการถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งจะมีผลให้ขาดคุณสมบัติทางการเมืองหลายประการ ตั้งแต่การก่อตั้งพรรค การเป็นกรรมการบริหารพรรค รวมถึงการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
- ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยรักษาชาติรวม 283 คน (แบ่งเขต 175 คน บัญชีรายชื่อ 108 คน) จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ทันที เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 97 (3) กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง
แพร่งที่ 2 ยุบพรรคหลังวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
- คณะกรรมการบริหารพรรค 14 คน (ลาออก 1 คน) จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งและได้เป็น ส.ส. จะมีเวลา 60 วันในการหาพรรคสังกัดใหม่ ซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) ว่า “…ในกรณีที่ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเพราะมีคําสั่งยุบพรรคการเมืองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นเป็นสมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้น้ันไม่อาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน 60 วันนับแต่วันท่ีมีคําสั่งยุบพรรคการเมือง ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกําหนด 60 วันนั้น”
แพร่งที่ 3 ไม่ยุบพรรค โดยพรรคไทยรักษาชาติจะสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไปได้ตามกฎหมาย
สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ 14 คน เต็มไปด้วยนักการเมืองรุ่นใหม่และทายาทรุ่นลูก-รุ่นหลานของตระกูลการเมืองดัง หากถูกศาลสั่งยุบพรรคก็เท่ากับว่าคนรุ่นใหม่ทางการเมืองหลายคนดังต่อไปนี้อาจถูกประหารชีวิตทางการเมืองไปโดยปริยาย
14 กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ
1. ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ
2. นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1
3. นางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2
4. นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3
5. นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4
6. รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ กรรมการบริหารพรรค (แจ้งลาออกแล้ว)
7. นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหารพรรค
8. นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค ลูกชายนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อไทย
9. นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคคนที่ 1
10. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค
11. นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรคคนที่ 3
12. นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ
13. นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค
14. นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เหรัญญิกพรรค