เรากลับมาสนทนากันอีกครั้งหลังผ่านไปกว่าครึ่งปีกับ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ในบทบาทเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก่อนเข้าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ครั้งก่อนเราคุยกันถึงวิธีการทำพรรคการเมืองแบบคนยุคใหม่
วันนี้จากผลสำรวจหลายสำนักโพล การที่พรรคอนาคตใหม่และชื่อ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ อยู่ติดโผอันดับ 3-5 มาตลอด คงไม่แปลกที่ต้องแบกรับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐจากผู้คนวงกว้าง
เวลานี้พรรคอนาคตใหม่กำลังถือธงนำพาความหวังของเหล่าสมาชิกพรรค ทีมงานหลังบ้าน ทีมอาสามากหน้าหลายตา ทั้งที่ก้าวเข้ามาและเดินออกไปแล้ว
ต่อข้อวิจารณ์มากมายบนโลกโซเชียล การคุยครั้งนี้ปิยบุตรได้เผยจุดยืนของเขาต่อดราม่าต่างๆ ที่ปรากฏบนโซเชียล
ไม่เพียงเท่านั้น หมวกอีกใบของปิยบุตรคือหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครเพื่อทำไพรมารีโหวตภายในพรรค
ปิดท้ายการคุยกันครั้งนี้ ปิยบุตรเปิดมุมมองต่อนิยามการเมืองเก่า การเมืองใหม่ให้เราได้รับรู้กันอีกด้วย
หัวหน้าพรรคกับผมก็แพ้หลายเรื่อง เช่น ตอนแรกเราคิดว่าต้องเก็บค่าสมาชิก 200 บาท แต่ปรากฏว่ากรรมการจากต่างจังหวัดยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายได้ 200 บาทต่อปี เราก็ทำตามมติ
พรรคอนาคตใหม่ถูกคาดหวังว่าจะสร้างสรรค์การเมืองใหม่ๆ ต้องเผชิญความท้าทาย ข้อวิจารณ์ในหลายเรื่อง จัดการกับความคาดหวังที่ต้องแบกรับนี้อย่างไร
เรารับฟังข้อวิจารณ์ แต่ถามว่ากดดันหรือไม่ ไม่กดดัน เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีด้วย เพราะการวิจารณ์ก็เพราะเขามีความคาดหวัง แต่ว่าทุกคำแนะนำที่มีเข้ามา สุดท้ายมันต้องมีการตัดสินใจ เป็นปกติอยู่แล้วที่คนหนึ่งเห็นด้วย คนหนึ่งไม่เห็นด้วย แต่มันมีระบบการตัดสินใจของมันอยู่ แม้มีความแตกต่างหลากหลาย สุดท้ายงานต้องเดิน เราก็ต้องมีองค์กร มีกรรมการบริหารพรรค โดยที่ประชุมใหญ่เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ตัวแทนจากทุกเขตเลือกตั้งเข้าร่วมประชุม ผู้ใช้แรงงานเข้าประชุม เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าประชุม ในที่ประชุมเป็นการดีเบตกันตลอด
หัวหน้าพรรคกับผมก็แพ้หลายเรื่อง เช่น ตอนแรกเราคิดว่าต้องเก็บค่าสมาชิก 200 บาท แต่ปรากฏว่ากรรมการจากต่างจังหวัดยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายได้ 200 บาทต่อปี เราก็ทำตามมติ
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติและควรเกิดขึ้นในการเมืองไทย เพราะพรรคการเมืองไม่ใช่ส่วนราชการที่สั่งการทุกคนได้หมด พรรคการเมืองไม่ใช่บริษัทที่ถ้าเจ้าของบริษัทออกมาสั่ง ทุกคนต้องหยุด แต่พรรคการเมืองคือการรวบรวมผู้คนที่แตกต่างหลากหลายเข้ามาอยู่ด้วยกัน การคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมเชื่อว่ามันมีในทุกพรรค แต่ออกมาสู่สาธารณะมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่พรรคอนาคตใหม่ที่มีเรื่องอย่างนี้ออกมา ผมมองเป็นจุดแข็ง 2 ข้อด้วยซ้ำ
หนึ่ง สมาชิกเราทุกคนอิน อินจริงๆ อยากมีส่วนร่วม อยากผลักดันวาระของตัวเอง ถ้าสมาชิกไม่ตื่นตัว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่สมาชิกให้ครบๆ จำนวนไปแค่นั้น ซึ่งสมาชิกของเราต้องการแสดงความคิดเห็น กรรมการบริหารพรรคเสนอมาเขาไม่เห็นด้วย เขาก็แสดงออกมา ผมว่าอย่างนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ข้อสอง แสดงให้เห็นว่าพรรคนี้ไม่มีเจ้านายจริงๆ ถ้ามีทุกอย่างต้องเรียบร้อยหมด คนที่มาร่วมกับเรา เราสั่งกันไม่ได้ แต่คนที่มาร่วมกับเราคือคนที่ทนไม่ไหวกับสภาพสังคมที่เป็นอยู่สิบกว่าปีนี้ แต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นอิสระ เดินกันเข้ามา แล้วมาร่วมมือกันทำงาน คนอาจรู้สึกว่ามันคุมกันไม่อยู่หรือ แต่ผมมองอีกด้าน มันเป็นจุดแข็ง สมาชิกรู้สึกอยากมีส่วนร่วมถึงแสดงออก เขาไม่ได้เป็นแค่จำนวนนับ
สิ่งที่จะเป็นบทเรียนกับเราคือ เราทุกคนเป็นคนหน้าใหม่กันเยอะ หลายคนก็เข้ามาโดยไม่รู้ว่าพรรคการเมืองฟังก์ชันเป็นอย่างไร การมีมติไปแล้วจะทำอย่างไร สำหรับผมก็เรียนรู้กันไป มองไปในด้านบวกคือ ทุกคนมีความกระตือรือร้น เราจะยังมีดีเบตในพรรคอีกหลายเรื่อง อย่างการยกเลิกโทษประหารชีวิตก็มีฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะในพรรคมีหลายปีก แต่เห็นร่วมกันคือไม่เอา คสช. ทีนี้มันก็ต้องสู้กันข้างในด้วย คุณกำลังผลักประเด็น ก่อนที่จะไปทำงานความคิดกับข้างนอก ก็ต้องทำกับคนในพรรคก่อน
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าลงสนามจริงจะไปสู้ไหวไหมกับนักการเมืองเดิม กับฐานคะแนนเดิม แต่เรากำลังจะบอกสังคมว่า ผมมีคนแบบนี้ ถ้าสังคมไทยบอกว่าต้องการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ แบบนี้เข้าสภา
จากกรณีที่เกิดขึ้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีมติกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ถามคงไม่ได้ ว่าตอนนี้ที่ทางของคนรุ่นใหม่ในพรรคเป็นอย่างไร
เรื่องการสร้าง New Generation ให้เข้ามาอยู่ในการเมือง ผมบอกก่อนว่าไม่ใช่การมีอายุน้อยอย่างเดียว แต่มันคือ New Political Generation ลองคิดย้อนตั้งแต่เราเป็นเด็กกัน นักการเมืองไทยจนมาถึงตอนนี้ยังวนหน้าเดิมนะ หรือถ้าพ่อไม่ลงก็เอาลูกมาลง มันไม่มี New Comer เข้ามาอยู่ในการเมืองไทย ผมเป็นคนที่ยืนยันตลอดว่าต้องมี เราถึงเปิดปีกเครือข่ายเยาวชนขึ้นมา เราต้องการคนหนุ่มสาวที่มีไฟ แล้วไม่รู้ว่าจะไปแสดงออกทางการเมืองที่ไหน อย่างน้อยสุดอนาคตใหม่พร้อมจะเป็นแพลตฟอร์ม
ทีนี้ถามว่าพรรคเราสนับสนุนอยู่ไหม เรายังเป็นแบบนั้นอยู่ ทั้งรุ่นผม ทีม Back Office ก็รุ่นที่เรียนจบกันมาแล้วมาช่วยงานพรรค ได้มาเป็นคนตัดสินใจ อย่างเช่น กองอำนวยการเลือกตั้ง ถ้าเป็นพรรคอื่นก็คงต้องเป็นนักการเมืองอาวุโสลายครามเต็มไปหมด แต่เรา คนที่นั่งหัวโต๊ะอายุ 40 แต่ที่เหลือ 20 กว่าๆ ยังไม่ถึง 30 แล้วคนพวกนี้ทันสมัย ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้ก็มีในพรรคอื่น เพียงแต่ไม่ถูกดันขึ้นมาในระดับตัดสินใจ เราต้องหนุนขึ้นมา เช่นเดียวกัน ในต่างจังหวัด กลุ่มเครือข่ายเยาวชนที่อยู่ในต่างจังหวัดก็ทำงานกับทีมจังหวัด คณะทำงานมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกในพื้นที่ อย่างสงขลา หัวหน้าคณะทำงานอายุ 30 เศษๆ แล้วทีมงานก็ใหม่หมด เป็นคนที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมาเล่นการเมือง แต่พอเกิดพรรคนี้เขามาเจอกัน ตอนนี้ทำงานกิจกรรมเต็มไปหมด
แต่ถ้าเราคิดกันแบบว่า ทำไมไม่หาหัวคะแนน หาผู้ใหญ่บ้านพาไปเดินในพื้นที่ คุณจะรู้สึกว่าไอ้เด็กพวกนี้มันทำอะไร ผมยืนยันว่าอนาคตใหม่เป็นพรรคที่เปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่มากที่สุด
มีเสียงวิจารณ์ ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อด้อยของพรรค คือเพราะมีคนใหม่ๆ มาทำงานหรือเปล่า วิธีการรับมือกับเรื่องต่างๆ จึงดูไม่ทันเกม
ตรงนี้ผมก็ต้องถามกลับว่า ต้องการการเมืองแบบเดิมไปเรื่อยๆ หรือไม่ ถ้าต้องการการเมืองแบบใหม่มันก็ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ เราก็เรียนรู้และผิดพลาดไปด้วยกัน แต่ New Political Generation รุ่นนี้ก็จะขึ้นไปเปลี่ยน เพราะผมก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่องค์ประกอบของสมาชิกสภาผู้แทนฯ ต้องมีคนหน้าใหม่ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบเดิม
ผมเป็นกรรมการสรรหาผู้รับสมัคร ส.ส. ที่จะจัดไพรมารีโหวตผู้สมัคร ในรายชื่อที่เสนอตัวมาแทบไม่มีอดีต ส.ส. มีอยู่ท่านเดียวที่เสนอตัวมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ที่เหลือไม่มีอดีต ส.ส. เลย
คนอื่นอาจจะคิดว่าจะไปสู้เขาไหวเหรอ แต่สำหรับผม ก็นี่ไงครับที่เราอยากจะทำ เราอยากเป็นที่รองรับของคนใหม่ๆ เข้ามาในทางการเมือง
แน่นอนอาจจะประเมินว่าเป็นจุดอ่อนก็ได้ เพราะเราไม่มีฐานอะไรเลย แต่ผมกลับต้องการจะนำเสนอว่านี่เป็นความใหม่ของเรา แล้ววันที่เข้าสภาอาจได้ 2 ที่นั่ง แต่ไม่ว่าจำนวน ส.ส. เท่าไร เราก็ทำงานได้ ลองคิดดู สมมติเราดันผู้สมัครหน้าใหม่เข้าสภาได้ ยกมือทีไรแพ้ทุกที แต่ได้อภิปรายในสภา ลองคิดดูว่าการมี ส.ส. หนึ่งคนที่อภิปรายดีมาก กับการมี ส.ส. 100 คนที่ไม่ทำอะไรเลย นั่งกดปุ่มโหวตอย่างเดียว แบบไหนดีกว่ากัน
พรรคอนาคตใหม่เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดในสังคมไทย
คือสุดท้ายมันไม่ใช่เรื่องจำนวนอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องเนื้อหา เรื่องที่เราอยากจะทำด้วย และผมคิดว่าตัวผู้สมัครที่เราดู ถ้ามองด้วยความคิดทางการเมืองแบบเดิมก็อาจเห็นว่าเป็นไอ้อ่อน แต่การที่เรามีผู้เสนอตัวมาสมัครลง ส.ส.
อย่างบางคนรับราชการตำรวจอยู่กองพิสูจน์หลักฐาน แล้วตัดสินใจลาออกเพื่อลงสมัคร ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดอยากจะมาเล่นการเมืองเลย แต่เขาบอกว่า พรรคแบบนี้ทำให้เขาอยากจะเข้ามา
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าลงสนามจริงจะไปสู้ไหวไหมกับนักการเมืองเดิม กับฐานคะแนนเดิม แต่เรากำลังจะบอกสังคมว่า ผมมีคนแบบนี้ ถ้าสังคมไทยบอกว่าต้องการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ แบบนี้เข้าสภา ได้แสดงบทบาทในสภา เราจะมีอะไรใหม่ๆ หรืออย่าง กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งจะเป็นหัวหอกของพรรคในการเสนอเรื่องความแตกต่างหลากหลายทางเพศด้วย
ผู้สมัครที่จะเปิดตัว เราจะมีตัวแทนของแต่ละกลุ่มจริงๆ เรามีผู้ใช้แรงงานจริงๆ เข้าสภา การอภิปรายในสภาในเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการแรงงาน จะต้องมีผู้ใช้แรงงานจริงๆ ไปพูดเอง เราจะมีผู้พิการเข้าสภา กลุ่มชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่ของเรา
จากที่คุยมา นิยามคำว่า ชัยชนะ สำหรับอนาคตใหม่คืออะไร
คือการเปลี่ยนแปลงความคิด เสียงในสภาอย่างเดียวไม่พอ ถ้าความคิดของสังคมไทยยังเชื่ออยู่แบบเดิม ถึงทางตันเมื่อไรกลับไปเรียกทหาร มันก็ไปต่อไม่ได้ สมมติผมอยากทำเรื่องใหญ่ๆ เปลี่ยนระดับโครงสร้าง ต่อให้ผมมีเสียงในสภาด้วยนะ ผมยกมือผ่านปุ๊บ วันรุ่งขึ้นอาจโดนยึดอำนาจก็ได้ พรรคอนาคตใหม่เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนความคิดในสังคมไทย
หลายเดือนที่ทำสิ่งต่างๆ มา เห็นแววของสิ่งที่ต้องการไหม
ผมคิดว่าด้านหนึ่งเราตั้งพรรคมา จนมาถึงวันนี้ความสำเร็จที่เราเห็น หนึ่งคือเราสามารถปักธงอะไรบางอย่างได้ เช่น เราสามารถรณรงค์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เราพูดเรื่องทุนผูกขาดที่เป็นปัจจัยสนับสนุนรัฐประหารได้ เราผลักดันให้คนมีส่วนร่วมกับพรรคได้ โดยเฉพาะการตั้งคณะทำงาน 77 จังหวัดโดยนำระบบโหวตออนไลน์มาใช้ ผมเห็นคือคนกระตือรือร้น ประชาธิปไตยจะไปต่อได้ต้องมี Active Citizen เยอะๆ
แน่นอนว่าเราจะรู้ว่าสำเร็จจริงไม่จริงอาจต้องดูผลเลือกตั้งประกอบ สมมติได้น้อย ก็ต้องทำงานหนักเพื่อจะดันวาระแบบนี้ต่อ แต่ถ้าได้มากก็เป็นกำลังใจให้เรา แสดงว่าการปักธงความคิดนี้ไปได้แล้ว
แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะบอกว่าให้เราล้มเลิกความตั้งใจ ตรงกันข้าม เราต้องทำต่อ ซึ่งอาจสำเร็จช้า แต่ก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ให้เกิดขึ้น
อยากบอกอะไรถึง คสช. หรือ กกต.
คสช. ผมยืนยันตลอดว่า ตั้งแต่วันที่ยึดอำนาจ คสช. ไม่ใช่คนกลางที่จะแก้ไขความขัดแย้ง คสช. คือคู่ขัดแย้งในการเมืองไทย สิ่งที่ คสช. ทำอยู่จึงเป็นการทำโดยคู่ขัดแย้ง และบทพิสูจน์คือ ถ้าคุณตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อลงเลือกตั้งแล้วหวังสืบทอดอำนาจ ก็รอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร
สำหรับ กกต. เป็นองค์กรอิสระ ต้องทำการเลือกตั้งให้เสรีและเป็นธรรม ผมเรียนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งจะทำให้บ้านเมืองไปต่อได้ อย่างน้อยที่สุดไม่เกิดวิกฤตรุนแรงอีกครั้ง เป็นโอกาสทองที่ กกต. จะได้พิสูจน์ให้พ้นข้อครหาที่คุณถูกตั้งโดย สนช.
ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช. แล้ว อำนาจดิบที่เขาเคยใช้ เขาไม่ใช้แบบเดิมแล้ว คสช. เดี๋ยวก็จะไปแล้ว แต่ กกต. จะอยู่ต่อไป ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้ได้ พาประเทศออกจากจุดนี้ พากลับสู่ระบอบประชาธิปไตย
การเมืองเก่าคืออะไร การเมืองใหม่คืออะไร
การเกิดขึ้นของอนาคตใหม่แยกไม่ออกกับวิกฤตความขัดแย้ง 13 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยถูกทำให้เชื่อว่ามันไม่มีทางเลือก นอกจาก หนึ่ง การเมืองแบบเดิม ที่ใช้ระบบอุปถัมภ์ ใช้เงิน ผลประโยชน์เข้าแลก ด้านหนึ่งทำให้ประชาชนเสียความเชื่อมั่นกับระบอบประชาธิปไตยแบบผู้แทน แล้วพอคนผิดหวังกับเรื่องแบบนี้ ก็จะหันไปหาเผด็จการทหาร เพื่อหวังให้มาจัดการปัญหาชั่วครั้งชั่วคราว
การเกิดขึ้นของอนาคตใหม่ต้องการจะตอบว่า ไม่ใช่ ประเทศไทยมีทางเลือกมากกว่านั้น คุณเสียความเชื่อมั่นกับประชาธิปไตยระบบรัฐสภาแบบผู้แทน ไม่ใช่ให้คุณหันไปหาการยึดอำนาจ ตรงกันข้าม ต้องทำประชาธิปไตยแบบผู้แทนให้ดีขึ้น เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนเพิ่มไปอีก จะออกมาจากแบบนี้ได้จำเป็นต้องมีพลังการเมืองกลุ่มใหม่ เพื่อให้คนที่ผิดหวังกับการเมืองแบบเดิมจะไม่หันไปหาทหาร
แล้วเราจะทำให้ใหม่อย่างไร จุดเริ่มต้นก็คือต้องทำพรรคให้ไม่เหมือนแบบเดิมๆ ที่ถูกโจมตี กลุ่มคนที่โจมตีพรรคการเมืองเขาจะอ้างเรื่องอะไร เขาจะอ้างเรื่องเจ้าพ่อ เครือข่ายหัวคะแนน พรรคนายทุน ทุกคนกลายเป็นลูกน้องคนไม่กี่คน
สิ่งที่เขากล่าวหา เราต้องไม่ให้เกิดขึ้นในพรรค เราต้องทำพรรคนี้ให้สมาชิกร่วมกันเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ให้คนไม่กี่คนตัดสินใจ อันที่สองคือ การเมืองแบบเดิมที่ตอบโต้ไปมา สาดโคลนรายวัน เราก็ต้องไม่ทำ อีกอันคือพรรคต้องรณรงค์การเมืองต่อเนื่อง ไม่ใช่เกิดมาเฉพาะกิจเพื่อการเลือกตั้งเป็นครั้งๆ ไม่ใช่ว่าพอเลือกตั้งก็เกิดพรรค ไปหาเสียง เก็บแต้มไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรี
ปัญหาต่อไปคือ มันเป็นเรื่องความคิดแบบใหม่ พอมาสวมเข้ากับการเมืองไทยยุคปัจจุบัน มันเป็นทางที่ทั้งใหม่ ทั้งยาก เพราะเราอยู่ภายใต้ คสช. กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ คสช. วางไว้ไม่เอื้อกับการทำงานการเมืองลักษณะแบบนี้เลย ห้ามรณรงค์ ขณะที่การทำพรรคแบบนี้ต้องเข้าหาคนเยอะๆ กฎหมายพรรคการเมืองก็มีรายละเอียดหยุมหยิม การจัดกิจกรรมระดมทุน การขายสินค้าออนไลน์ก็ทำไม่ได้ ถามว่าทำไมเราต้องการทำ เพราะเราต้องการให้เป็นพรรคของคนทุกคน ไม่ใช่พรรคของนายทุนไม่กี่คน
แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะบอกว่าให้เราล้มเลิกความตั้งใจ ตรงกันข้าม เราต้องทำต่อ ซึ่งอาจสำเร็จช้า แต่ก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ให้เกิดขึ้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า