- ตลาดหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้น หลายตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ซึ่งได้แรงหนุนจากจีน-สหรัฐฯ เลื่อนเจรจาสรุปภาษีการค้าออกไปอีก 90 วัน ผลประกอบการบริษัทใหญ่ดีกว่าคาด รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด
- เศรษฐกิจจีนเดือน ก.ค. ยังบ่งชี้การชะลอตัวรอบด้าน ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
- ซึ่งล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศ 2 โครงการใหม่เพื่ออุดหนุนดอกเบี้ยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจ ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าสามารถกระตุ้นเงินกู้ใหม่ได้ถึง 5-8 ล้านล้านหยวน
- อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า ด้วยมาตรการการเงินและการคลังของจีน เพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศ จะเป็นผลบวกต่อ GDP จีนกว่า 100-150 bps เมื่อรวมกับความคืบหน้าเชิงบวกเรื่องการเจรจาภาษีจีน-สหรัฐฯ GDP จีนน่าจะขยายตัวในช่วงประมาณ 4.4-5.0% ตามคาด
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้น หลายตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จากกระแสเปิดรับความเสี่ยงในช่วงต้นสัปดาห์ ที่ได้แรงหนุนจาก
- การเลื่อนเจรจาข้อสรุปการค้าสหรัฐฯ และจีนออกไปอีก 90 วัน เปิดทางให้ทั้ง 2 ประเทศมีเวลาหารือประเด็นอื่น เช่น ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนเฟนทานิล, การซื้อพลังงานจากรัสเซีย-อิหร่าน และการดำเนินธุรกิจของสหรัฐฯ ในจีน
- ผลประกอบการในภาพรวมออกมาดีกว่าที่คาด
- ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ตอกย้ำให้ตลาดเชื่อว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.
อย่างไรก็ตาม หลังเงินเฟ้อ PPI ออกมาสูงกว่าคาดมาก สะท้อนภาวะที่ผู้ผลิตต่างๆ เริ่มส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้าไปยังผู้บริโภค ทำให้ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยถูกปรับลงมาบ้าง
ด้านตลาดหุ้น EM ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า ส่งผลให้มีกระแสเงินไหลมายังตลาดเกิดใหม่ และความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ที่ล่าสุดรัฐบาลประกาศ 2 โครงการใหม่เพื่ออุดหนุนดอกเบี้ยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจ
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ก.ค. ยังบ่งชี้การชะลอตัวรอบด้าน ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงาน
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยปรับตัวออกด้านข้าง (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย) หลังปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่เดือนที่ผ่านมา และเก็งกำไรการลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามคาด โดย กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% เหตุเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มชะลอ และเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
จับตาเงินกู้ใหม่ 5-8 ล้านล้านหยวน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีน
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า โครงการอุดหนุนเงินกู้เพื่อการบริโภคของจีน อาจกระตุ้นให้เกิดเงินกู้ใหม่หลายล้านล้านหยวน โดยหากเม็ดเงินอุดหนุนถึง 5-8 หมื่นล้านหยวน จะสามารถกระตุ้นเงินกู้ใหม่ 5-8 ล้านล้านหยวน ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหากับดักสภาพคล่องของจีนได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมา การขยายตัวของสินเชื่อจีนชะลอต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจีนจะทำนโยบายการเงินผ่อนคลายก็ตาม
โดยล่าสุดธนาคารพาณิชย์จีนมียอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนเดือน ก.ค. หดตัวสุทธิ 5 หมื่นล้านหยวน หดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ ก.ค. 2005
อย่างไรก็ตาม อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า ด้วยมาตรการการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศจะเป็นผลบวกต่อ GDP จีนกว่า 100-150 bps ประกอบกับการที่สหรัฐฯ เลื่อนเส้นตายการเก็บภาษีการค้าออกไปอีก 90 วัน และทำให้ GDP จีนน่าจะขยายตัวในช่วงประมาณ 4.4-5.0% ตามที่เราคาดได้
อย่างไรก็ตาม อินโนเวสท์ เอกซ์ กังวลความเสี่ยงเงินเฟ้อสหรัฐฯ มากขึ้นจาก
- องค์ประกอบเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะค่าจ้าง ที่เร่งตัวขึ้นจาก 0.44% (p.p.) สู่ 0.53% ซึ่งสอดคล้องกับค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 3.9% ขณะที่ค่าแรงเฉลี่ยต่อสัปดาห์ขึ้น 4.2% ต่อปี ซึ่งเร่งตัวขึ้นในระยะหลังสอดคล้องกับแรงงานผิวสีและลาตินที่ลดลงจากมาตรการคุมเข้มผู้อพยพ
- เงินเฟ้อภาคบริการที่พุ่งสูงโดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าสุขภาพ และบันเทิง และทำให้ Core CPI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อที่สูงขึ้นนี้แม้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในปัจจุบันยังต่ำอยู่ที่ 3.24 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ต่ำกว่าปีก่อนเกือบ 10% ทำให้เราเชื่อว่า Fed ไม่น่าจะลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามข้อมูลตลาดแรงงานและเงินเฟ้อใกล้ชิด
กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย
- หุ้น Earning Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2H68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ HoH ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR
- หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG RatingA ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div.Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT SIRI TTB
- Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมี ESG Rating A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MINT PTT WHA 2) เก็งกำไรหุ้นใน SET50 ที่ทางเทคนิคยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BCP CBG GULF MTC และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและจาก GDP 2Q68 มีโอกาสออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ กลุ่มอสังหา AP SIRI กลุ่มค้าปลีก CPALL HMPRO GLOBAL และกลุ่ม REITs ได้แก่ FTREIT LHSC
“ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐาน หลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องจนเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,280/1,300 จุด ซึ่งคาดได้สะท้อนถึงแรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าและการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ไปแล้วในระดับหนึ่ง ขณะที่สัปดาห์นี้ คาดตัวเลข GDP 2Q68 และการส่งออกไทยมีโอกาสจะออกมาดีกว่าตลาดคาดเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนประเด็นการเมืองที่เกี่ยวกับคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณ มองไม่มีนัยกับตลาด แต่ต้องจับตา ป.ป.ช. ว่าจะมีมติส่งเรื่องคดีตามมาตรา 144 ซึ่งเกี่ยวกับการโยกงบประมาณไปใช้ในโครงการ Digital Wallet ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดได้” ทีมวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุ
สัปดาห์นี้ต้องติดตาม
- การประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีของ Fed Jackson Hole (21-23 ส.ค.) และรายงานการประชุมนโยบายการเงิน FOMC (21 ส.ค.)
- ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของไทย อาทิ สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP 2Q25, กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ และ ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ประจำเดือน ก.ค.
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: GULF - โมเมนตัมกำไร 2H25 ยังแข็งแกร่ง
แนะนำ บมจ. กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF เนื่องจากเหตุผลหลัก ดังนี้
- เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชั้นนำของไทย ทั้งนี้โครงสร้างรายได้แบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลักได้แก่ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัล โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากที่สุดในอีกหลายปีข้างหน้า ด้วยกำลังผลิตติดตั้งรวม 23,356 MW ในปี 2033 เพิ่มจาก 15,167 MW ในปี 2023
- 2H25 คาดกำไรจากการดำเนินงานเติบโต HoH และ YoY หนุนจาก 1. กำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson 1,200MW (GULF ถือ 49%) จะเพิ่มขึ้นมากหลัง Capacity payment อัตราใหม่เริ่มมีผลตั้งแต่ มิ.ย. 2025 2. Data Center 25 MW จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ ส.ค. 2025 และ 3. การทยอย COD โครงการ Solar และ Solar+BESS ในช่วง 4Q25
- เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงเพราะบริษัทยังต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องจัดหาเงินทุนด้วยการกู้ยืมค่อนข้างสูง และ Valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขาย PER 25F ที่ 29 เท่า ลดลงจาก 32 เท่าก่อนควบรวมกิจการ
- เราประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่หุ้นละ 70 บาท (อิงวิธี DCF) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2025 หุ้นละ 1.16 บาท คิดเป็น Div. Yield ปีละ 2.4%
ธีมการลงทุนตลาดหุ้นโลก
บริษัทสหรัฐฯใน S&P500 เผยงบ 2Q25 เติบโตและดีกว่าคาด โดยกลุ่มเทคฯ สื่อสารและการแพทย์โตเด่นสุด ขณะที่เรายังแนะลงทุนในกลุ่มเทคฯ และสื่อสาร ที่มีแนวโน้มดีจาก AI (MSFT META AMZN NVDA AMD) นอกจากนี้ ทางฝั่งจีนเริ่มมีการเผยงบเช่นกันโดย JD และ NetEase งบผิดคาด ส่วนกลุ่มที่โตเด่นเป็นกลุ่มที่
ตำแหน่งธุรกิจได้รับประโยชน์จาก AI อย่าง Lenovo Foxconn ซึ่งเรายังแนะลงทุนหลังมองแนวโน้มดี
- 452 บริษัทในดัชนี S&P500 (คิดเป็น 90% ของบริษัททั้งหมดในดัชนี) เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 25 เป็นที่เรียบร้อยซึ่งภาพรวมงบดีกว่าตลาดคาดทุกกลุ่ม หลังความคาดหวังต่องบไตรมาสนี้ค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้มีการเติบโตที่ดีในทุกกลุ่ม โดยภาพรวมรายได้โต 6%YoY และกำไรโต 11%YoY
- กลุ่มที่โตเด่นคือ 1. IT (เทคฯ) หลังอุปสงค์ AI ที่โตสนับสนุนรายได้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น Generative AI และคลาวด์ของ MSFT 2. Communication Services โดยมีแรงหนุนจาก AI tools ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบริการเช่น โฆษณาในแพลตฟอร์มอย่าง GOOGL และ META 3. Health Care ที่เติบโตได้ดีจากฐานต่ำในปีก่อน
- กลุ่มที่เติบโตต่ำได้แก่กลุ่มพลังงาน, Material และ Consumer Staples อย่างไรก็ดี ยังคงออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
- ขณะที่ทางฝั่งจีนเริ่มมีการประกาศผลประกอบการออกมา ซึ่งภาพรวมกลุ่มที่เติบโตได้ดีกว่าคาดนั้นมีแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ AI เช่นเดียวกัน โดย 1. Tencent มีแรงหนุนจากธุรกิจเกมและ Ads ที่มีการพัฒนา AI ทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น 2) Lenovo และ Foxconn ที่มีรายได้จาก AI Server
- ในทางตรงกันข้าม กลุ่มที่เผยงบผิดคาดได้แก่ 1. JD.com มีรายได้โตหนุนจาก JD Retail แต่ด้วยธุรกิจใหม่ Food Delivery ขาดทุนเยอะและกดดันมาร์จิ้นในภาพรวม 2. NetEase เผยรายได้เกมและกำไรธุรกิจอื่นๆอย่าง Youdao ออกมาต่ำกว่าคาดผลจากความคาดหวังต่อธุรกิจที่สูงเกินไป
ในระยะถัดไป เรายังแนะนำลงทุนกลุ่มที่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI หลังมองแนวโน้มการเติบโตดีจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดย
- สหรัฐฯ เราชอบ MSFT META AMZN NVDA AMD
- จีน เราชอบ Tencent และมองลงทุนใน Lenovo และ Foxconn ได้เช่นเดียวกัน
มุมมองการลงทุนต่อสินทรัพย์ต่างๆ โดย SCB CIO
เงินสด / สภาพคล่อง
ให้อัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ยังสูง และได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งประเด็นสงครามในยูเครน และความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังมีอยู่ ตามที่ยังต้องจับตา การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ-จีนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ตราสารหนี้ / เงินฝากระยะยาว
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังหนืด หลัง PPI ล่าสุด เพิ่มขึ้นแตะเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนก.พ. และสูงกว่าคาด มีแนวโน้มหนุนให้ UST Yield ตัวยาว เพิ่มขึ้น ด้านตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มลดลง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
U.S. Treasury & IG
US term premium ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯ เดือนก.ค. พุ่งขึ้นราว 20% จะหนุน UST Yield ตัวยาว ขณะที่ US IG bond ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แนะนำ UST และ US IG bonds ที่ duration สั้นถึงกลาง เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ต ท่ามกลางความไม่แน่นอนนโยบายของสหรัฐฯ
High Yield Bond
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอตัว โดยสะท้อนจากการจ้างงานนอกภาคเกษตร อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ US HY default rate จะเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำ และ US HY spread จะกว้างขึ้น จนจำกัด upside ของ HY แม้ว่า UST Yield ตัวสั้น มีแนวโน้มลดลงต่อ ตามที่ตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ก็ตาม
สินทรัพย์ผสมกึ่งหนี้กึ่งทุนและ REITs
กองทุนสินทรัพย์ผสม ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน โดยลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและสถานการณ์ภายนอก อีกทั้ง บริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยง
Global Infrastructure
การลงทุนในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน สามารถสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตได้อย่างสม่ำเสมอ โดยมี Correlation กับสินทรัพย์หลักอื่นๆ ค่อนข้างต่ำในอดีต ทำให้สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ต และช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจาก เป็นสัญญาระยะยาว และมีโครงสร้างรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
Private Credit *สำหรับนักลงทุน Ultra High Net Worth เท่านั้น
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ Private Credit เนื่องจาก ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเงินอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับ ได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนของกองทุนเกษียณอายุแบบ 401(k) ทั้งนี้ แนะนำเน้นลงทุนใน Private credit ที่ปล่อยกู้ในฐานะเจ้าหนี้ที่มีสิทธิเรียกร้องหลักประกันเป็นลำดับแรก
หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว
หุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากความหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed และงบบจ.ที่แข็งแกร่ง / เศรษฐกิจยุโรปได้แรงหนุนจากแนวโน้มการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ EPS ของ บจ.มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร/ หุ้นญี่ปุ่นได้อานิสงส์จากการปฏิรูปธรรมาภิบาล และความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่ลดลง
หุ้นสหรัฐฯ
ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนประธาน Fed หลัง Powell หมดวาระในปีหน้า หนุนความหวังตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่เร็วขึ้น ขณะที่ EPS ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ใน 2Q2568 ที่ดีกว่าคาด อาจช่วยหนุน EPS ทั้งปี ถูกปรับประมาณการดีขึ้นตาม ทั้งนี้ ติดตามพัฒนาการของนโยบายการค้าสหรัฐฯ
หุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนระยะสั้น จากแนวโน้มการยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ ความมั่นคงของประเทศ และ ต้นทุนพลังงาน ทั้งนี้ ในระยะยาว ตลาดฯ มีแนวโน้มได้แรงหนุนจากมาตรการทางการคลังที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
หุ้นญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้แรงหนุนระยะสั้น จากงบของบจ.ญี่ปุ่น ที่ดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มพึ่งอุปสงค์ในประเทศ สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น และ GDP ญี่ปุ่น ใน 2Q2568 ดีกว่าคาด ทั้งนี้ ในระยะยาว หุ้นญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากการปฏิรูปบรรษัทภิบาล การออกมาตรการกระตุ้นการคลังเพิ่มเติม และ BoJ ที่มีแนวโน้มไม่รีบคุมเข้มทางการเงิน
หุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่
หุ้นตลาดเกิดใหม่เอเชียมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากแรงกดดันบนข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีอยู่ อย่างกรณีที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งนี้ เรามอง ตลาดฯ ยังได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. ที่สอดรับกับแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของ Fed
หุ้นอินเดีย
ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มพักฐานในระยะสั้น จากการที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มภาษีนำเข้าเป็น 50% ในวันที่ 27 ส.ค. เนื่องจากอินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งนี้ RBI ยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี โดยเรายังมองบวกต่อหุ้นอินเดียในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ
หุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัว จากแรงขายทำกำไรหลังตลาดสะท้อนปัจจัยบวกจากการที่ กนง. ลดดอกเบี้ย 25 bps และการที่ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดที่ 19% โดยเรามองว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ ขึ้นอยู่กับการปรับประมาณการ EPS หลังประกาศงบ 2Q2568
สินค้าโภคภัณฑ์
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ สูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. และ ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ เรายังมีมุมมองบวกระยะยาว จากแรงซื้อของธนาคารกลางโดยเฉพาะจีน
หุ้นจีน All-Share
ดัชนีหุ้นจีน ได้แรงหนุนจากความหวังการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากทางการ หลังยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ล่าสุด แย่กว่าที่คาด โดยล่าสุด ทางการออกมาตรการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ ให้แก่ประชาชนและธุรกิจ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
หุ้นจีน H-Share
ดัชนีหุ้นจีน H-Share ได้อานิสงส์จากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่ลดลง หลังสหรัฐฯ ขยายเวลาเก็บภาษีนำเข้ากับจีนออกไปอีก 90 วัน จนถึงวันที่ 10 พ.ย. ขณะที่ Fwd P/E ดัชนี HSCEI ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และงบของกลุ่ม Internet รายใหญ่ อย่าง Tencent ใน 2Q2568 ออกมาดีกว่าที่คาด
ดัชนีหุ้น Nasdaq 100
ดัชนีฯ ได้แรงหนุนจากงบกลุ่ม Mega cap growth และ Tech ใน 2Q2568 ที่ออกมาแข็งแกร่ง และดีกว่าที่คาด รวมถึง การยกเว้นภาษีกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์หากการเพิ่มลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งนี้ Hyperscalers รายใหญ่สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ capex ซึ่งเกี่ยวกับ AI จะช่วยหนุนอุปสงค์ชิป AI
ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้
ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ได้รับปัจจัยบวกจาก กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาด EM ซึ่งสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำเทียบกับปี 2567 นอกจากนี้ เราคาดว่าผลการประชุมระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ด้านเศรษฐกิจและการค้า จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเพิ่มเติม รวมถึง แรงหนุนจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระแส AI
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ จาก EPS กลุ่มฯ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ AI ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยอุปสงค์บน AI ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง สะท้อนจากแผนเพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทั่วโลก ที่ยังดำเนินต่อ นอกจากนี้ กลุ่มฯ ยังได้อานิสงส์จากการที่มีการนำ AI ไปปรับใช้ในวงกว้าง
ภาพ: liulolo / Getty Images