วันเลือกตั้ง

ผบ.ทบ. ไม่ยืนยันรัฐประหารหรือไม่ ย้ำตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าใครจะมาเป็น

17.10.2018
  • LOADING...

 

 

วันนี้ (17 ต.ค.) พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงข่าวกับสื่อมวลชนครั้งแรกหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561  

 

พล.อ. อภิรัชต์ เริ่มด้วยการกล่าวทักทายสื่อมวลชนสายทหาร พร้อมบอกว่า รู้สึกผูกพันกับสื่อมวลชนสายทหาร และเห็นว่าเป็นเสมือนกำลังพลส่วนหนึ่งของกองทัพบก ในบางครั้งสื่อมวลชนต้องการความกระจ่างชัดในเรื่องบางเรื่อง แต่ในเรื่องบางเรื่องกองทัพบกก็ไม่สามารถขยายความให้ได้มาก ซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าเพราะด้วยเหตุผลบางประการ

 

 

ยืนยันตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าใครจะมาเป็น

พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า กองทัพบกต้องเผชิญกับสถานการณ์หลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้น พูดได้เลยว่าตามปฏิทินการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จากนั้นกองทัพบกก็ได้มีการเตรียมการในเรื่องความเข้าใจของกำลังพล

 

“เราในฐานะกองทัพบก ทหารของชาติ ทหารของประชาชน เรามีหน้าที่อยู่แล้วที่จะต้องสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม”

 

เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ได้ให้แนวทางไปแล้วว่าจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะจากนี้ไปก็จะถูกจับตาจับจ้องจากนักการเมือง

 

“ทหารเป็นอาชีพที่ขาดประสบการณ์วิธีทางการเมือง เพราะหน้าที่หลักของเราจะได้พบกับประชาชนน้อยมาก จะพบประชาชนก็ต่อเมื่อประชาชนประสบภัยต่างๆ แต่ในชีวิตประจำวันทหารจะอยู่ในกรมกอง

 

“ดังนั้นจึงต้องให้แนวทางกับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะทุกวันนี้กองทัพบก โดยเฉพาะกองกำลัง รส. (กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย) ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชน เราปฏิบัติตามหัวหน้า คสช. เราสวมหมวกอยู่สองใบด้วยกัน ในฐานะที่เป็นกองทัพบก และในฐานะที่เป็น คสช. เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ต้องมีความระมัดระวังไม่ให้การเมืองเข้ามาใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือประชาชน เราช่วยเหลือประชาชน เราไม่ได้หาเสียงเพราะทหารไม่รู้จะหาเสียงไปเพื่ออะไร”

 

 

ขอความเป็นธรรม ช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่หาเสียง

พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า ต้องแยกแยะภารกิจให้ออก และนี่คือจุดยืนของกองทัพว่าต้องระมัดระวัง จากนี้ไปจะถูกจับตามองแน่ เพราะกองทัพและ คสช. คือเนื้อเดียวกัน

 

“แต่รัฐบาลในขณะนี้คือรัฐบาลของท่าน พล.อ. ประยุทธ์ ใครจะเป็นรัฐบาลผมก็ต้องทำ ผมยืนยันและเป็นจุดยืนการทำงานของผมในการกำหนดทิศทางให้กำลังพลได้ดำเนินการคือ ผมทำงานเกินร้อยไม่ว่าใครจะเป็นนายผม”

 

 

ย้ำกองทัพวางตัวเป็นกลางช่วงการเลือกตั้ง 2562

พล.อ. อภิรัชต์ ตอบคำถามถึงเสียงวิจารณ์ในการวางตัวช่วงการเลือกตั้งปี 2562 ว่า ตนผ่านวิกฤตทางการเมืองและการทหารมาทุกยุคทุกสมัย เห็นว่าความเป็นกลางขึ้นอยู่กับมุมมองของคน บางครั้งเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นกลาง แต่มุมมองของคนอื่น มองว่าเราไม่เป็นกลาง พร้อมถามสื่อฯ ว่า จะเอาอะไรมาตัดสิน

 

แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ากองทัพเป็นกลางและอยู่เคียงข้างประชาชน จะดำเนินการทุกอย่างให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข

 

“กองทัพบกเป็นทหารอาชีพ เพระฉะนั้นขอความเป็นธรรมด้วยตั้งแต่เริ่มต้นว่า กองทัพบกจะวางตัวเป็นกลาง เราในฐานะทหารอาชีพ ใครมาเป็นรัฐบาลเราก็สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล” พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวย้ำ

 

 

กองทัพบกพร้อมสนับสนุน กกต. ช่วงเลือกตั้ง

พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้ให้หน่วยมีความเข้าใจตรงกันตามปฏิทินการเลือกตั้ง เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็จะกำหนดว่าในแต่ละห้วงการทำงานกองทัพควรจะดำเนินการอย่างไร เช่น ให้ความรู้กับประชาชนตามที่ กกต. ขอความร่วมมือหน่วยงานของรัฐให้เข้ามาช่วยงาน

 

การเดินของทหารต่อไปนี้ หาก กกต. มาขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือ ทหารก็ต้องไป ในเรื่องเตรียมการเลือกตั้งนั้น เราพร้อมที่จะสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องรักษาความปลอดภัยและการให้ความรู้ประชาชน

 

 

ผบ.ทบ. ไม่ยืนยันไม่รัฐประหาร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

เมื่อสื่อมวลชนถามว่า “ท่าน พล.อ. ประยุทธ์ เคยบอกว่าจะไม่ปฏิวัติ แต่ก็มีการปฏิวัติเกิดขึ้น ในเมื่อท่านอยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ท่านจะให้คำยืนยันกับพี่น้องประชาชนอย่างไร”

 

พล.อ. อภิรัชต์นิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “ผมชี้แจงแบบนี้แล้วกันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สื่อมวลชนบันทึกภาพทุกเหตุการณ์ อย่าให้เป็นเพียงภาพ แต่ให้บันทึกอยู่ในความทรงจำเวลาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ณ วันนั้นเราถูกรัฐบาลสั่งการให้ไปรักษาความสงบเรียบร้อย เราทำโดยไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาบริหารประเทศ และผมคิดว่า พล.อ. ประยุทธ์ ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่ถ้าวันนั้น พล.อ. ประยุทธ์ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าการตัดสินใจนั้นไม่ได้อยู่ที่ พล.อ. ประยุทธ์ แต่อยู่ที่ประชาชน

 

“เพราะฉะนั้นตามที่สื่อมวลชนถาม ผมคาดหวัง หวังใจอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์รุนแรงในบ้านเมืองคงไม่เกิดขึ้นอีก คงไม่มีใครอยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้อีก ตรงโน้นก็เผา ตรงนี้ก็เผา ตรงโน้นก็ยิง ตรงนี้ก็ยิง เพราะยังมีการแก่งแย่งทางการเมือง ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักชนะ คนที่แพ้ก็คือประเทศ ถามว่ากองทัพชนะประชาชนไหม กองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน พูดถึงการจุดไฟเผา พูดถึงการสร้างระเบิด นั่นแหละท่านคือประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้

 

“สิ่งที่สื่อมวลชนถาม ผมหวังใจอย่างยิ่งว่าการเมืองอย่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก

 

“ผมมั่นใจว่าถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ถ้ามันไม่เกิด มันก็ไม่มีอะไร”

 

 

ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยทุกสิ่งที่มี

คำถามท้ายๆ ของสื่อมวลชนคือเรื่องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะทหารของพระราชา

 

โดย พล.อ. อภิรัชต์ ตอบว่า “ผมอยากทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนว่า ณ ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดำรงตำแหน่งองค์จอมทัพไทย บางทีทหารบางคนยังลืม ซึ่งผมจะเตือนสติเขาว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือองค์พระมหากษัตริย์ ในส่วนของกองทัพบกเอง ซึ่งเป็นข้ารองบาท มีทั้งหน้าที่และด้วยหัวใจที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและเป็นศูนย์รวมจิตใจ”

 

กองทัพบกจะใช้ศักยภาพและขีดความสามารถทุกอย่างในการปกป้องสถาบัน การหมิ่นที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งเกิดจากคนสติไม่สมประกอบ ส่วนที่จิตปกติแต่มีความคิดแปลกๆ ก็หนีไปอยู่ต่างประเทศเพราะอยู่เมืองไทยไม่ได้

 

ในเมื่อเราอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารมาเป็นเวลาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ทำไมไม่สำนึกถึงบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

“รัฐบาลผลัดเปลี่ยนไป แต่องค์พระมหากษัตริย์ยังต้องอยู่คู่ฟ้า คู่แผ่นดินไทยไปตลอด และผมจะปกป้องสถาบันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี” พล.อ. อภิรัชต์ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising