วันเลือกตั้ง

สุดารัตน์ควงจินนี่ลงพื้นที่สยามสแควร์ เผย 27 ปีในการเมืองไม่เคยเจอรัฐบาลใช้อำนาจเต็มรูปแบบช่วงเลือกตั้ง

17.02.2019
  • LOADING...

ช่วงสายวันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่สยามสแควร์ บริเวณลานเซ็นเตอร์พอยท์ พร้อมกับครอบครัว นายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ สามีคุณหญิงสุดารัตน์ โดยมี นางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ บุตรสาว นายพีรภัทร ลีลาปัญญาเลิศ หรือ เบสท์ และนายภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ หรือ บอส บุตรชาย

 

 

ครอบครัวคุณหญิงสุดารัตน์เดินพบปะประชาชนตั้งศูนย์การค้า Digital Gateway และเดินขึ้นไปพบปะประชาชนที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม โดยประชาชนและวัยรุ่นมาร่วมถ่ายภาพกับคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมทั้งสอบถามหมายเลขผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์บอกกับประชาชนว่า ให้จำชื่อพรรคเพื่อไทยเท่านั้นในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม เพราะหลายเขตมีหมายเลขผู้สมัครไม่เหมือนกัน

 

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ที่พาครอบครัวมาลงพื้นที่ในวันนี้ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตนต้องลงพื้นที่หาเสียงที่ต่างจังหวัดหลายวัน จึงไม่มีเวลาให้กับครอบครัว และวันนี้น้องจินนี่และน้องเบสท์มาเรียนพิเศษที่สยามสแควร์ ทำให้เลือกลงพื้นที่ที่สยามสแควร์ รวมทั้งต้องการมาพบปะกับคนรุ่นใหม่

 

 

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่หาเสียงสวนจตุจักรว่า พล.อ. ประยุทธ์ กับพรรคพลังประชารัฐมีความแนบแน่นเนื้อเดียวกันอย่างที่หลายคนบอก การทำโรดแมปที่เคยบอก 4 ปีจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการคืนอำนาจของผู้ยึดอำนาจ ในกติกาเอารัดเอาเปรียบหาเสียงลงพื้นที่ ด้านอำนาจรัฐเอื้ออำนวยสอดคล้องกัน เป็นเรื่องที่สื่อควรถาม พล.อ. ประยุทธ์ ในเรื่องนี้มากกว่า

 

เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องวางตัวเป็นกลาง การที่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐและงบประมาณรัฐ เราเป็นผู้แข่งขัน เราถูกเอาเปรียบ แม้จะถูกเอาเปรียบไม่เป็นธรรมและผิดกฎหมายด้วย ต้องถามนายกฯ ที่ทำหน้าที่นายกฯ และหัวหน้า คสช. เป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้พรรคพลังประชารัฐ ส่อเอื้อประโยชน์หรือให้เกิดผลดีต่อบางพรรคการเมือง สมควรถูกต้องกฎหมายหรือไม่ อีกทั้ง กกต. จะปล่อยให้ถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ 27 ปีไม่เคยเจอแบบนี้ ครั้งนี้เขาจะให้เกิดเป็นธรรมเลือกตั้งรัฐบาล เลือกตั้งต้องรักษาการไม่มีอำนาจใดๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายกฯ มีอำนาจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มีมาตรา 44 ด้วย ภาคปฏิบัติก็ได้รับการสะท้อนจากผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ตลอด ทั้งการข่มขู่ใช้อำนาจรัฐ เก็บบัตรประชาชน แม้แต่เพิ่งลงบาง เพจและเว็บไซต์มีการเก็บบัตรประชาชนของทหารเกณฑ์ด้วย

 

ส่วนนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการทำมาหากินของคนรุ่นใหม่และคนที่ได้รับผลกระทบเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีที่เข้ามา ธุรกิจหลายอย่างกำลังลดอัตราตำแหน่งงาน อย่างธนาคารต้องลดคนงานลง ทำให้มีคนว่างงาน เด็กรุ่นใหม่จะหางานทำยากขึ้น

 

 

เรามองเห็นปัญหาที่รัฐต้องแก้ไขล่วงหน้า อีกทั้งเห็นศักยภาพของคนรุ่นใหม่มีความรู้ มี 3 มาตรการตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสร้างเถ้าแก่ใหม่ กองทุนนี้เรามองว่านโยบายไม่เกณฑ์ทหาร จะให้สมัครใจเข้ารับราชการ คนรุ่นใหม่มีศักยภาพโดยทำแคมป์คนรุ่นใหม่เป็นเถ้าแก่เจ้าของกิจการ แทนที่เข้าแคมป์ฝึกทหาร ก็เข้าแคมป์สร้างกิจการเอง โดยแบ่งงบฯ กลาโหม 10% หรืองบประมาณ 20,000 ล้านบาท ศูนย์นี้จะช่วยองค์ความรู้ทั้งหมด โดยประสานกับมหาวิทยาลัย ใช้กองทุนนี้ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนั้นยังทำแบรนด์ไทยแลนด์ โดยใช้ชื่อไทยเวิร์ก เป็นแบรนด์ไทยแลนด์พาคนตัวเล็กไปขายของ โดยรัฐเป็นเจ้าภาพทำให้

 

2. รองรับคนตกงานในสายต่างๆ ที่จะตกงานมากขึ้น ด้วยกองทุนคนเปลี่ยนงาน ไม่ปล่อยให้คนเตะฝุ่น 2 แสนคน ให้เงินทุน ให้มีงาน ถ้าถูกเลิกจ้างจะมีกองทุนให้คนเหล่านี้

 

3. บัตรทองสตาร์ทอัพ เพื่อเด็กรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ คนเหล่านี้จะเป็นกำลังให้สู้กับรุ่นใหญ่ได้ ดังนั้นบัตรทองสตาร์ทอัพให้คนตัวเล็ก สิทธิพิเศษนอกอีอีซี เป็นการแก้ปัญหารวยกระจุกจนกระจาย ดังนั้นเมื่อมีนโยบายไม่เกณฑ์ทหาร จะสร้างเด็กรุ่นใหม่เราจะสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising