Xpeng – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 05 Sep 2024 06:40:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: BYD โตไม่หยุด นักวิเคราะห์มอง อาจทำแบรนด์เล็ก ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-05092024-3/ Thu, 05 Sep 2024 07:00:45 +0000 https://thestandard.co/?p=979845 BYD

การครองตลาดของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน กำลังส่ […]

The post ชมคลิป: BYD โตไม่หยุด นักวิเคราะห์มอง อาจทำแบรนด์เล็ก ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
BYD
  • การครองตลาดของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน กำลังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งรายเล็กภายในจีนเอง หลัง Li Auto และ XPENG ต่างรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ติดตามได้ในไฮไลต์นี้

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: BYD โตไม่หยุด นักวิเคราะห์มอง อาจทำแบรนด์เล็ก ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนยังเติบโตไม่หยุด แต่นักวิเคราะห์มองว่าอาจบีบแบรนด์เล็กให้ ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ https://thestandard.co/byd-ev-growth-small-brands/ Wed, 04 Sep 2024 09:55:03 +0000 https://thestandard.co/?p=979526

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องจนเ […]

The post BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนยังเติบโตไม่หยุด แต่นักวิเคราะห์มองว่าอาจบีบแบรนด์เล็กให้ ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องจนเบียดคู่แข่งรายย่อยจนแทบกระเด็น ขณะที่ Li Auto และ XPENG ต่างรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง BYD และคู่แข่ง

 

BYD รายงานกำไรในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 33% ในขณะที่ Li Auto รายงานกำไรลดลง 52% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก ส่วน XPENG คาดการณ์รายได้ในไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก ท่ามกลางสงครามราคาที่รุนแรงในจีน ทั้ง Li Auto และ XPENG ยังไม่สามารถติด 1 ใน 10 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีนได้

 

BYD ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ของจีน แซงหน้าผู้ผลิตรถยนต์ตะวันตกอย่าง Volkswagen ด้วยยอดขาย 3 ล้านคันในปีที่แล้ว ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ทำให้ Ford, Porsche และ Mercedes-Benz ต่างปรับลดเป้าหมายด้านรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ Tesla ก็มียอดขายต่ำกว่าเป้า 1.8 ล้านคันในปีที่แล้วเช่นกัน

 

สัญญาณของอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว สะท้อนได้จาก J.D. Power บริษัทวิจัยด้านยานยนต์ที่คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ปีนี้จะคิดเป็นเพียง 9% ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 12.4%

 

นักวิเคราะห์จาก Barclays มองว่า ผลประกอบการของ BYD ‘น่าประทับใจ เนื่องจากคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในจีนและทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก และเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง’ กำไรที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ BYD สามารถเร่งการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้

 

AlixPartners บริษัทที่ปรึกษา ระบุว่า ภายในสิ้นทศวรรษนี้จะมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ทำกำไรได้ไม่ถึง 20 แบรนด์ เนื่องจากผู้นำตลาดอย่าง BYD และ Tesla จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

 

Yale Zhang กรรมการผู้จัดการของ AutoForesight บริษัทที่ปรึกษาในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “จากข้อมูลยอดขาย เห็นได้ชัดว่าผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำมียอดขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ผลิตรายเล็กอาจถูกบีบออกจากตลาดภายใน 2 ปี การควบรวมกิจการถูกผลักดันโดยตลาด และสงครามราคาก็เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพและโหดร้ายที่สุด”

 

BYD สร้างความแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยการบุกเบิกเทคโนโลยีแบตเตอรี่และไฮบริดที่นำมาใช้ในรถยนต์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่ SEAGULL รถยนต์ Hatchback ราคาประหยัด ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในจีน ไปจนถึง YANGWANG รถยนต์ซูเปอร์คาร์ระดับหรู

 

การเติบโตของ BYD ยังได้รับการสนับสนุนจากความนิยมของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่

 

แม้ Tesla อาจเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่รายแรกในตลาดจีนที่เริ่มลดราคาเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน แต่ BYD เป็นผู้ที่ทำให้สงครามราคาดุเดือดขึ้น BYD ลดราคา QIN PLUS ซีรีส์รถเก๋ง ลงประมาณ 20,000 หยวน (ประมาณ 96,000 บาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นและผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมต้องทำตาม

 

“BYD ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันด้านราคาได้ แต่ขนาดและการจัดการภายในช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไร และช่วยให้สามารถลดราคาได้มากขึ้นหากจำเป็น เพื่อบีบให้คู่แข่งรายย่อยออกจากตลาดและเร่งการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรม” Joanna Chen นักวิเคราะห์รถยนต์จีนของ Bloomberg Intelligence กล่าว

 

แบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในจีนยังมีความทะเยอทะยานสำหรับตลาดโลก ในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ทาง Stella Li รองประธานบริหาร คาดว่ายอดขายในต่างประเทศจะเติบโตเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดของ BYD ในอนาคต โดยยอดส่งมอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 12% ของยอดรวม ณ เดือนกรกฎาคม

 

ยอดขายของ BYD ในเดือนกรกฎาคมแซงหน้า Honda และ Nissan เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ข้อมูลที่เปิดเผยโดยผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า ในเดือนกรกฎาคม BYD มียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 340,799 คัน สูงกว่า Nissan ที่ 261,386 คัน และ Honda ที่ 302,625 คัน

 

อ้างอิง:

The post BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนยังเติบโตไม่หยุด แต่นักวิเคราะห์มองว่าอาจบีบแบรนด์เล็กให้ ‘ล้มตาย’ ใน 2 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์ | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-13082024-4/ Tue, 13 Aug 2024 08:00:22 +0000 https://thestandard.co/?p=970398 ZEEKR

รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG เดินหน้าบุกตล […]

The post ชมคลิป: รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ZEEKR
  • รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG เดินหน้าบุกตลาดสิงคโปร์ หลังรัฐบาลหนุนภาษี รับเป้าหมายทั้งประเทศเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานสะอาด ก่อนยุติใช้รถยนต์สันดาปในปี 2030

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์รับกระแสพุ่งแรงจากรัฐหนุนภาษี เพิ่มแรงจูงใจด้วยสถานีชาร์จ 60,000 จุด https://thestandard.co/zeekr-xpeng-head-singapore/ Sat, 10 Aug 2024 04:02:29 +0000 https://thestandard.co/?p=969691 ZEEKR

รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG เดินหน้าบุกตล […]

The post รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์รับกระแสพุ่งแรงจากรัฐหนุนภาษี เพิ่มแรงจูงใจด้วยสถานีชาร์จ 60,000 จุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ZEEKR

รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG เดินหน้าบุกตลาดสิงคโปร์ หลังรัฐบาลหนุนภาษี เพิ่มแรงจูงใจด้วยสถานีชาร์จกว่า 60,000 จุด สอดรับเป้าหมายทั้งประเทศเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานสะอาด ก่อนเตรียมยุติใช้รถยนต์สันดาปในปี 2030 หวังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

 

ถึงวันนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าการผลิตรถยนต์ EV ในจีนยังคงขยายตัวด้วยความเร็วสูงมากจนเกินความต้องการของตลาดภายในประเทศ ทำให้หนึ่งในเป้าหมายหลักของหลายๆ บริษัทคือการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปขยายการเติบโตในต่างประเทศ

 

เช่นเดียวกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์เป็นครั้งแรก โดย ZEEKR นั้นเป็นแบรนด์หรูในเครือ GEELY ประเดิมตลาดด้วยรถโมเดลแรกคือรุ่น ZEEKR X ซึ่งเป็นรถ SUV ระดับพรีเมียม ราคาเริ่มต้นที่ 1.9 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 5.3 ล้านบาท

 

ส่วน XPENG ได้เปิดตัวโชว์รูมชั่วคราวให้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น XPENG G6 รถไฟฟ้า SUV Coupe ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 5.5 ล้านบาท 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

โดยปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนหลายๆ แบรนด์เริ่มสนใจเข้ามาทำตลาดในสิงคโปร์อย่างมาก เพราะผู้คนให้ความนิยมกันอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นจากยอดขายรถยนต์จำนวน 1 ใน 3 ที่ขายได้ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมากกว่าปี 2023 ถึง 2 เท่า 

 

ทั้งนี้ การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้ผลักดันให้มีการนำ EV มาใช้พร้อมสิ่งจูงใจด้านภาษีและขยายสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีจุดชาร์จทั้งหมด 7,100 จุด และมีเป้าหมายขยายจุดชาร์จให้ได้ 60,000 จุดภายในปี 2030

 

ด้าน Mars Chen รองประธานบริษัท ZEEKR กล่าวหลังจากเปิดตัวแบรนด์ในสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สิงคโปร์ได้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านมาสู่รถ EV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเราเชื่อว่าประสบการณ์ของ EV ที่นอกเหนือไปจากการขนส่งเพียงอย่างเดียวจะมอบประสบการณ์เพิ่มความสะดวกของการขับขี่ระดับพรีเมียมอีกด้วย และเรายังมองเห็นสัญญาณบวกในการขยายตลาดไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ถึงกระนั้นการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์มีความท้าทายจากแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากค่ายรถรายใหญ่อย่าง BYD ครึ่งปีแรกของปี 2024 สามารถสร้างยอดขายกว่า 2,587 คัน พุ่งขึ้น 83% ขณะที่ Tesla มียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 28 คันเท่านั้น

 

นักวิเคราะห์ Maybank Securities กล่าวว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังพยายามเข้าไปเจาะทุกตลาดทั่วโลก และสิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะเป็นประเทศที่เล็ก แต่ด้วยการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและผังเมือง สามารถตอบโจทย์รถยนต์ EV ได้เป็นอย่างดี 

 

ทั้งหมดสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ต้องการผลักดันให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาด และตั้งเป้าเลิกใช้รถยนต์ดีเซลในปี 2025 รวมถึงเลิกใช้รถยนต์สันดาปให้ได้ภายในตั้งแต่ปี 2030 เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ทั้งนี้เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อเนื่องในเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้ขยายโครงการ EV Early Adoption ออกไปอีก 2 ปี จนถึงปี 2025 ภายใต้โครงการนี้จะลดค่าธรรมเนียมภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนใหม่จะได้รับเงินคืน 45% โดยจำกัดไว้ที่ 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ BMI ของบริษัท Fitch Solutions กล่าวต่อไปว่า การขยายเงินอุดหนุน EV จะทำให้รถรับส่งผู้โดยสาร หรือแท็กซี่เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ EV มากขึ้น และด้วยโครงสร้างพื้นฐานของเมืองจะทำให้เพิ่มจุดชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ EV สำหรับการรับส่งผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 73.7% ในปี 2024

 

อ้างอิง:

The post รถ EV สัญชาติจีน ZEEKR และ XPENG แห่บุกสิงคโปร์รับกระแสพุ่งแรงจากรัฐหนุนภาษี เพิ่มแรงจูงใจด้วยสถานีชาร์จ 60,000 จุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ หรือไม่? ถอดรหัสการลงทุน 6 หมื่นล้านบาทของแบรนด์รถจีนในไทย นี่คือการลงทุนจริงจัง หรือแค่ฉาบฉวย? https://thestandard.co/chinese-automotive-investment-in-thailand/ Thu, 16 May 2024 07:27:41 +0000 https://thestandard.co/?p=934250 รถจีน

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวว่า […]

The post ‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ หรือไม่? ถอดรหัสการลงทุน 6 หมื่นล้านบาทของแบรนด์รถจีนในไทย นี่คือการลงทุนจริงจัง หรือแค่ฉาบฉวย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
รถจีน

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวว่า ‘แบรนด์รถยนต์จีนลงทุนในไทย เปรียบเหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ’

 

คำกล่าวนี้เป็นจริงแค่ไหนอย่างไร THE STANDARD WEALTH จะมาวิเคราะห์ให้อ่านกัน ซึ่งบทความนี้จะอ้างอิงข้อมูลจากข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ โดยมีแหล่งที่มาจากภาครัฐและบริษัทที่เข้ามาลงทุน

 

MG ผู้บุกเบิก

 

เรียกว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นหรือผู้บุกเบิกสำหรับการทำตลาดรถยนต์แบรนด์จีนในไทยยุคใหม่ที่แท้จริงสำหรับแบรนด์ MG โดย MG เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor ได้ร่วมทุนกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ของไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท

 

เม็ดเงินดังกล่าวเป็นการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์และเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง โดยโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 437.5 ไร่ มีกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี

 

 

MG มีรถจำหน่ายนับสิบรุ่น ผ่านการลองผิดลองถูกมาอย่างโชกโชน โดยมีครบทั้งรถน้ำมัน, รถไฮบริด, PHEV และ EV ที่ต้องบอกว่า MG คือผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนในไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะรุ่น ZS EV ที่ทำตลาดมานานกว่า 5 ปีแล้ว

 

GWM จุดประกาย

 

แบรนด์ต่อมา Great Wall Motor สร้างชื่อด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงงานต่อจาก General Motors ในไทย พร้อมประกาศแผนการลงทุนในไทยด้วยมูลค่ารวมกว่า 22,600 ล้านบาท เมื่อ 3 ปีที่แล้ว โรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง พื้นที่ 412 ไร่

 

ปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงสุด 80,000 คันต่อปี วางเป้าหมายเพื่อเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) เพื่อการส่งออกของภูมิภาคอาเซียน

 

แผนการทำตลาดของ Great Wall Motor ที่ประกาศเอาไว้คือ จะเปิดตัวรถใหม่ 9 รุ่นในเวลา 3 ปี ซึ่งทำได้สำเร็จครบถ้วนตามที่ประกาศเอาไว้ และได้ประกาศแผนต่อไปคือจะเปิดตัวอีก 6 รุ่นภายในอีก 2 ปี นั่นเท่ากับว่าจะเปิดตัว 15 รุ่นภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ทำตลาดในไทย

 

BYD จุดพลุ

 

หลังจากที่ 2 แบรนด์แรกประสบความสำเร็จในระดับน่าพึงพอใจ ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ภาครัฐของไทยประกาศนโยบายสนับสนุนการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทำให้ BYD ที่เคยเข้ามาบุกเบิกทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายปีแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยราคาที่สูง

 

แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ทำให้ BYD ตัดสินใจหาพาร์ตเนอร์ใหม่ และขอสนับสนุนการลงทุนจาก BOI ของไทยเป็นมูลค่า 17,891 ล้านบาท โดยได้ซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 พื้นที่ 600 ไร่ กำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี และยังตั้งเป้าหมายเป็นฐานการผลิตพวงมาลัยเพื่อส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย

 

หลังจาก BYD เปิดตัวแบรนด์และรถที่จำหน่าย เกิดกระแส EV ฟีเวอร์ทั่วประเทศ มีคนไปรอต่อคิวที่โชว์รูมเพื่อจองซื้อกันชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งสิ่งนี้เองน่าจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้แบรนด์รถยนต์จีนอื่นๆ เข้ามาทำตลาดตามมา

 

รถจีน

 

สำหรับรถที่จำหน่ายมีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ ATTO 3, DOLPHIN, SEAL รถไฟฟ้า 100% และกำลังจะจำหน่าย Seal U รถแบบ PHEV

 

CHANGAN ตามติด

 

CHANGAN ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ได้ศึกษาการทำตลาดในไทยมานานกว่า 3 ปีแล้ว และได้บรรลุข้อตกลงกับ BOI ของไทย โดยมีแผนลงทุนสร้างโรงงานในเฟสแรก 8,800 ล้านบาท และมีแผนการลงทุนเฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ารวมราว 20,000 ล้านบาท

 

โดยวางเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิตพวงมาลัยขวาเพื่อส่งจำหน่ายทั่วโลก คาดว่าจะเริ่มต้นผลิตระยะแรกได้ภายในต้นปี 2568 มีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) พื้นที่ 1,500 ไร่ ปัจจุบันมีรถยนต์จำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ S07, L07 และ LUMIN ซึ่งทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

 

GAC AION ผู้สร้างสงครามราคา

 

GAC บุกตลาดไทยด้วยแบรนด์ AION โดยแรกเริ่มระบุแผนการลงทุนในไทยมูลค่าราว 6,000-6,400 ล้านบาท (ตัวเลขไม่นิ่ง เพราะแต่ละสื่อลงข่าวต่างช่วงเวลากัน) เพื่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย คาดจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 และจะเริ่มผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2567

 

แต่จากการให้ข่าวอีกครั้งของผู้บริหารและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทยระบุว่า GAC ลงทุนเป็นมูลค่า 2,300-2,400 ล้านบาท กำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี โดยโรงงานจะอยู่ในเขตในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

 

ปัจจุบันมีรถจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ Y Plus ที่เมื่อแรกเปิดตัวตั้งราคา 1,099,000 บาท และประกาศลดราคาลงมาถึง 4 ครั้ง เรียกว่าเป็นผู้เริ่มสงครามราคา ทำให้แบรนด์อื่นๆ ต้องประกาศลดราคาตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

 

WULING น้องเล็กขอแจม

 

หนึ่งในแบรนด์ที่ทำตลาดในไทยแบบเข้ามาและหายไปเป็นระยะๆ ล่าสุดได้ตัวแทนใหม่ EV PRIMUS เป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ WULING ในไทย โดยลงทุนเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท จากการเช่าโรงงานที่มีอยู่แล้วและปรับปรุงติดตั้งไลน์การประกอบรถยนต์ WULING ที่จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตสูงสุด 6,000 คันต่อปี โดยจะมีผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งหมด

 

ปัจจุบันมีจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ Air EV และจะเปิดตัวอีก 1 รุ่นคือ BINGO

 

CHERY มาแน่ แต่ยังไม่ชัดเจน

 

จากการให้สัมภาษณ์สื่อของผู้บริหาร CHERY ระบุว่า ในช่วงแรกจะจ้างโรงงานในไทยที่มีอยู่แล้วประกอบรถยนต์ไฟฟ้า กำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี หลังจากนั้นเฟสที่ 2 ในช่วงปี 2569-2570 จะตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย และในเฟสที่ 3 ภายในปี 2573 จะขยายโรงงานพร้อมส่งออกด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีระบุตัวเลขมูลค่าการลงทุน รวมถึงการอนุมัติโครงการจาก BOI หรือการเซ็นเงื่อนไขใดๆ กับภาครัฐของไทย แต่มีการเปิดตัวแนะนำแบรนด์และรถยนต์ที่จะจำหน่ายแล้ว ได้แก่ OMODA 5 และ JAECOO 6, 7 และ 8 ซึ่งทั้งหมดจะเปิดตัวในปี 2567

 

 

ZEEKR รับจองแล้ว

 

ZEEKR Thailand หรือ ซีคเกอร์ ประเทศไทย เข้ามาทำตลาดโดยบริษัทแม่ดำเนินกิจการเอง ปัจจุบันตั้งดีลเลอร์แล้วคือ ‘นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย’ ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างอรุณพลัส และเอ็มจีซี-เอเชีย แต่ยังไม่มีแผนการลงทุนตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย พร้อมเปิดรับจองรถ 2 รุ่นแรกที่จะทำตลาดในไทยคือ ZEEKR 009 และ ZEEKR X ซึ่งได้รับการตอบรับด้วยยอดจองกว่า 300 คัน

 

XPENG ซุ่มเงียบ

 

แบรนด์ EV ที่ประกาศตัวว่าเป็น Tesla Killer ของจีนอย่าง XPENG ได้เข้ามาทำตลาดในไทยด้วยการตั้งผู้จัดจำหน่าย (Distributor) คือ ‘นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย’ โดยบริษัทดังกล่าวตั้งขึ้นเพื่อทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร และเปิดรับจองได้ยอดไปกว่า 100 คัน เมื่องานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้หากรวมตัวเลขการลงทุนทั้งหมดจากแบรนด์รถยนต์ของจีนคาดว่าจะเป็นมูลค่ามากกว่า 60,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยจำนวนไม่น้อย มีการซื้อและใช้บริการต่างๆ ของผู้ประกอบการไทยเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ซึ่งคงไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างที่เปรียบเปรย

 

แล้วคำกล่าวนี้มาได้อย่างไร

 

คำตอบคือ สำหรับการซื้อชิ้นส่วนในการผลิตรถยนต์ต้องยอมรับว่าทางแบรนด์รถยนต์จีนเลือกที่จะนำเข้าเอง หรือเลือกซื้อจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยที่เป็นสัญชาติจีน เนื่องจากได้ต้นทุนที่ถูกกว่า

 

จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดคำกล่าวเปรียบเทียบว่าเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะผู้กล่าวประโยคนี้คือหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยที่ไม่ได้รับคำสั่งซื้อจากแบรนด์จีนนั่นเอง

 

ภาพปก: TANG KE / Feature China / Future Publishing via Getty Images

The post ‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ หรือไม่? ถอดรหัสการลงทุน 6 หมื่นล้านบาทของแบรนด์รถจีนในไทย นี่คือการลงทุนจริงจัง หรือแค่ฉาบฉวย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก ‘XPENG’ แบรนด์ที่ออกมาประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า 5 แสนบาท ท้าชน Tesla-BYD และกำลังจะเข้ามาบุกตลาด EV ไทย https://thestandard.co/get-to-know-xpeng/ Thu, 21 Mar 2024 06:16:37 +0000 https://thestandard.co/?p=913801 แบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ออกมาหั่น ราคา 5 แสนบาท

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา กำลังซื้อลดลงแค่ไหน อุตสาหกรรมยาน […]

The post รู้จัก ‘XPENG’ แบรนด์ที่ออกมาประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า 5 แสนบาท ท้าชน Tesla-BYD และกำลังจะเข้ามาบุกตลาด EV ไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
แบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ออกมาหั่น ราคา 5 แสนบาท

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา กำลังซื้อลดลงแค่ไหน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยปี 2024 ยังคงเห็นข่าวคราว EV จีนเข้ามาบุกตลาดในไทยไม่หยุด! หลังจากมีผู้เล่นใหญ่ๆ อย่าง BYD, SAIC, MG, Great Wall Motor, NIO, Geely, Chery, DFSK, Changan และ GAC AION มียอดจำหน่ายเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งหลายแบรนด์ยังมีสายพานผลิตในไทยกันแล้วด้วย

 

ล่าสุด ปตท. เป็นตัวแทนจำหน่าย 2 แบรนด์ผ่าน ARUN PLUS บริษัทลูกของ ปตท. โดยตั้งบริษัท X Mobility Plus เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ ‘XPENG’ ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ถือหุ้นร้อยละ 100 ผ่านบริษัทนีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (Neo Mobility Asia) (บริษัทย่อยของ ARUN PLUS) และ Ze Mobility Plus ตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ ZEEKR 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

XPENG หรือเรียกกันว่า เสี่ยวเผิง เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจีนซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 จุดเริ่มต้นมาจาก He Xiaopeng ซีอีโอและประธานบริษัท ได้ผันตัวเองจากโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างเว็บเบราว์เซอร์ UC Web เมื่อปี 2004 และขายให้กับ Alibaba ในอีก 10 ปีต่อมา ด้วยมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

การเป็นมหาเศรษฐี ณ เวลานั้นได้จุดประกายความฝันใหม่ที่ใหญ่มากๆ ให้กับเขา นั่นคือการปฏิวัติวงการยานยนต์ในจีนโดยมี Tesla เป็นแรงบันดาลใจ เขาให้ความสำคัญกับงานวิจัยเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ และไม่ใช่แค่ยานยนต์ แต่ XPENG ยังจำหน่ายชิ้นส่วนรถ EV พร้อมพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองได้สำเร็จอีกด้วย

 

ขณะนี้เขากำลังมองหาส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ขึ้น (Mass Market) ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ EV ราคาไม่แพงท่ามกลางสงครามราคาตลาด EV จีน ซึ่งมีเป้าหมายทำให้บริษัทเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจาก BYD ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม 

 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา XPENG เตรียมที่จะเปิดตัวแบรนด์ EV ใหม่ของบริษัท โดยเน้นราคาถูก ด้วยคอนเซปต์ของแบรนด์คือรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI คันแรกของหนุ่มสาว ถือเป็นการเปิดตัวแบรนด์ที่มีราคาต่ำลงถึง 50% และเพื่อต่อสู้กับตลาด EV ที่ชะลอตัวในจีน 

 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า XPENG ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวแบรนด์ลูกที่เน้นทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนนั้นยังคงสูง

 

Xiaopeng กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ลูกที่เน้นลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกโดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นราว 1 แสนหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 5 แสนบาท โดยวางคอนเซปต์รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยระบบ AI คันแรกสำหรับหนุ่มสาว และตั้งราคาแต่ละรุ่นแตกต่างกันไป

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ XPENG ต้องเลือกใช้กลยุทธ์ในการออกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ทั้งๆ ที่ปกติแล้วบริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางค่อนบนในราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนหยวนเป็นต้นไปนั้น เนื่องจากบรรดาแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง BYD และ Tesla ได้เริ่มทำสงครามราคาอีกรอบในขณะนี้

 

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิต EV จากจีนต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อที่จะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโต จึงเห็นการลดราคากันลงมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

เนื่องจากหากดูตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนล่าสุดช่วง 2 เดือนแรกของจีนในปี 2024 นั้นอัตราการเติบโตลดลงมาเหลือ 18.2% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ‘ลดลง’ อย่างมาก ส่งผลให้แบรนด์ EV จีนต้องเร่งหาวิธีที่จะทำให้บริษัทสามารถขายรถยนต์ได้มากที่สุด โดยหลายแบรนด์พยายามหาน่านน้ำใหม่ๆ ในตลาดอื่นๆ

 

ไทยยังคงเป็นจุดหมายของ EV จีน  

 

ด้วยยอดจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2023 อยู่ที่ 76,000 คัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 695.9 จากปีก่อนหน้า หากพิจารณายี่ห้อรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนใหม่ที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นแบรนด์จีน ได้แก่ BYD (สัญชาติจีน) 30,467 คัน, NETA (สัญชาติจีน) 12,777 คัน, MG (สัญชาติจีน) 12,462 คัน, Tesla (สัญชาติอเมริกัน) 8,206 คัน และ GWM (Ora) (สัญชาติจีน) 6,746 คัน

 

โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนคัน จากมาตรการกระตุ้นอุปสงค์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศของรัฐบาลภายใต้มาตรการ EV3.0 และ EV3.5 อย่างไรก็ดี นอกจากนำเข้า ปัจจัยหลักๆ มาจากการกำหนดสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยการนำเข้า ได้แก่ อัตราส่วน 1:1 ในปี 2024 (นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 1 คัน) และอัตราส่วน 1:1.5 ในปี 2025 (นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 1.5 คัน) ซึ่งหากกำลังการผลิตของโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติต่างๆ สามารถผลิตได้ตามเงื่อนไข จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนไฟฟ้าที่สำคัญของโลกได้

 

อ้างอิง:

The post รู้จัก ‘XPENG’ แบรนด์ที่ออกมาประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า 5 แสนบาท ท้าชน Tesla-BYD และกำลังจะเข้ามาบุกตลาด EV ไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สงคราม EV จีนแข่งเดือดขึ้น! ค่ายรถแห่หั่นราคา-เปิดตัวโมเดลใหม่ หลังเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ ฉุดยอดขายหด https://thestandard.co/chinese-ev-war-heats-up/ Sat, 02 Sep 2023 06:27:03 +0000 https://thestandard.co/?p=836798 EV จีน

บรรดาค่ายรถในจีนเร่งสู้ศึกสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) เด […]

The post สงคราม EV จีนแข่งเดือดขึ้น! ค่ายรถแห่หั่นราคา-เปิดตัวโมเดลใหม่ หลังเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ ฉุดยอดขายหด appeared first on THE STANDARD.

]]>
EV จีน

บรรดาค่ายรถในจีนเร่งสู้ศึกสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) เดือดขึ้น เห็นได้จากการแห่เปิดตัวรถโมเดลใหม่ของ Tesla และ Zeekr ขณะที่ค่ายอื่นๆ ก็พร้อมใจกันหั่นราคารถในเดือนนี้ หลังยอดขายรถ EV ในจีนหดตัวจากพิษเศรษฐกิจอ่อนแอ

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 กันยายน) Tesla บริษัทรถยนต์ EV จากสหรัฐฯ ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น Model 3 ที่ปรับปรุงใหม่ (Revamped Model 3) ที่หลายคนตั้งตารอคอย พร้อมทั้งประกาศหั่นลดราคารถยนต์รุ่น Model S และ Model X ในจีนและสหรัฐอเมริกาลงในวันเดียวกัน

 

ขณะที่ Xpeng Inc. ผู้ผลิตรถยนต์ EV ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครกวางโจว ประเทศจีน คู่แข่งรายสำคัญของ Tesla ก็ตอบโต้ด้วยการเสนอส่วนลดสำหรับรถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง P7i สูงสุดถึง 24,000 หยวน (หรือราว 3,300 ดอลลาร์) สำหรับผู้ที่ซื้อรถในเดือนกันยายนนี้

 

ด้านผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ รวมถึง Zhejiang Leapmotor Technology Co., Ltd. ก็ลดราคารถรุ่น T03 ลงสูงสุดถึง 10,000 หยวนในเดือนนี้เช่นกัน ตามที่โพสต์ลงบน Weibo

 

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนว่าผู้ผลิตรถยนต์ต่างกำลังดิ้นรนเพื่อปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเอง ท่ามกลางภาวะทางเศรษฐกิจมหภาคที่ตกต่ำของจีน

 

โดยยอดขายรถยนต์โดยรวมในจีนล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม พบว่าหดตัวลง 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่ายอดขายรถยนต์ EV และ Plug-in Hybrid จะยังคงเพิ่มขึ้น 32% แต่ก็ถือว่าชะลอตัวจากการเพิ่มขึ้นถึง 117% ในช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปี 2022

 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการกระโจนเข้าไปในสงครามราคาจะทำให้ค่ายรถยนต์ EV ในจีนรักษาส่วนแบ่งในตลาดได้ แต่การต่อสู้เช่นนี้ย่อมกัดกินผลกำไรของบริษัทเช่นกัน

 

โดยในวันเดียวกันนั้น Zeekr ก็ได้เปิดตัวรถสปอร์ต EV สุดหรูรุ่น 001 FR ซึ่งเป็นรุ่นที่หลายคนมองว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อแย่งลูกค้ารถ Model S Plaid ของ Tesla ซึ่งเพิ่งลดราคาลงไป 19.4%

 

นอกจากนี้ Zeekr ยังประกาศลดราคารถซีดานรุ่นเรือธง 001 สูงสุดถึง 37,000 หยวน เหลือ 269,000 หยวน จนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้ใกล้เคียงกับรุ่น Model Y ที่มีขนาดใกล้เคียงกันของ Tesla ซึ่งขายอยู่ที่ 263,900 หยวน

 

อ้างอิง:

The post สงคราม EV จีนแข่งเดือดขึ้น! ค่ายรถแห่หั่นราคา-เปิดตัวโมเดลใหม่ หลังเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ ฉุดยอดขายหด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประธาน BYD ยังรั้ง Top 10 บุคคลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในจีน แม้ความมั่งคั่งวูบ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว https://thestandard.co/byds-chairman-still-top-10-china/ Tue, 15 Aug 2023 06:55:24 +0000 https://thestandard.co/?p=829349

ประธาน BYD ไม่หวั่นแม้ขาดทุนจากราคาหุ้นไปแล้ว 1.5 พันล้ […]

The post ประธาน BYD ยังรั้ง Top 10 บุคคลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในจีน แม้ความมั่งคั่งวูบ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว appeared first on THE STANDARD.

]]>

ประธาน BYD ไม่หวั่นแม้ขาดทุนจากราคาหุ้นไปแล้ว 1.5 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว หลังนักลงทุนเทขายหุ้นเหตุกังวล Tesla จุดชนวนราคาอีกรอบ และยังกดดันไปถึงสองแบรนด์ใหญ่ XPENG, NIO แต่ไม่อาจสะเทือนตลาดรถยนต์ NEV จีน เมื่อเจ้าตลาดอย่าง ‘BYD’ ครองใจทั่วโลกจากยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้าสู่คันที่ 5 ล้านสำเร็จเป็นรายแรก ทุบสถิติการผลิตรถ 2 ล้านคันในเวลา 9 เดือน กลายเป็นแบรนด์ทรงพลังแข็งแกร่งและสร้างแรงกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

 

รายงานข่าวจาก Forbes ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีนทั่วทั้งกระดาน เนื่องจากกังวลว่า Tesla จะจุดชนวนสงครามราคาอีกครั้ง ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตของ Wang Chuanfu ประธานและ CEO ของ BYD ลดลงมากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นส่วนตัว 17.6% ใน BYD และทำให้หุ้นของเขาร่วงลง 8.7% นอกจากนี้ คู่แข่งในประเทศของ BYD ก็ถูกกดดันขายอย่างหนักจากความกังวลนี้เช่นกัน โดยหุ้น XPENG ที่มีมหาเศรษฐีอย่าง He Xiaopeng เป็นเจ้าของ ราคาลดลง 3% และ NIO ของ William Li ก็ลดลง 3.2% เช่นกัน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าสุทธิของเขาจะลดลง แต่ปัจจุบัน Wang เป็นบุคคลที่ร่ำรวยถือว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 9 ของจีน ที่มีสินทรัพย์มูลค่า 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่ง BYD ได้รับการสนับสนุนจาก Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ที่สร้างมหาเศรษฐีสองคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของ Wang ได้แก่ Lu Xiangyang ที่มีมูลค่าสุทธิ 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ และ Xia Zuoquan ที่มีมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ 

 

Yale Zhang กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษา Automotive Foresight กล่าวว่า การลดราคาน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลสำหรับ Tesla ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีน และเพื่อทำกำไรที่มากขึ้นจากสงครามราคาเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตามมาด้วยส่วนลดที่มากขึ้นในปีนี้ ทำให้รถยนต์รุ่น Model Y และรุ่น 3 ขายดีที่สุด หลังราคาขายปลีกน้อยกว่าราคาจำหน่ายในสหรัฐฯ ประมาณ 1 ใน 3

 

แต่เมื่อ Tesla ไม่อาจต้านทานผู้ผลิต EV ท้องถิ่นที่แข่งขันกันอย่างร้อนแรง ทำให้เห็นยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในจีนลดลงช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ BYD ยังเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Dynasty และ Ocean 

 

ล่าสุดเพื่อรักษาตลาดและแบรนด์เจ้าตลาด ประธาน BYD ได้ประกาศว่า “พร้อมทำลายตำนานเก่าและสร้างแบรนด์ระดับโลกใหม่ ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วสำหรับแบรนด์จีน” 

 

NEV จีนกำลังกลายเป็นพลังเขย่าวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก

 

สำหรับ BYD กำลังเป็นบริษัทผู้นำผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ชั้นนำของจีน และสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประกาศเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สามารถผลิตรถยนต์ขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าครบ 5 ล้านคัน ซึ่งเป็นการรวมทั้ง Hybrid, PHEV, EV และ Hydrogen ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีรุ่นยอดนิยมคือ Denza N7 และยังทุบสถิติการผลิตรถ 2 ล้านคันในเวลา 9 เดือน 

 

ทำให้ปัจจุบันจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีอิทธิพลด้านการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเป็นเจ้าของเทคโนโลยีหลักๆ ที่สำคัญต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม

 

Cui Dongshu เลขาธิการ China Passenger Car Association กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมารถยนต์นั่งพลังงานใหม่ของจีนมีสัดส่วนร้อยละ 63 ของส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งพลังงานใหม่ของโลก ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า พลังงานสะอาด บวกกับความชาญฉลาด เครือข่าย การขับเคลื่อนนโยบาย NEV ของจีน โดยมี BYD เป็นเจ้าตลาด ที่กำลังกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกไปแล้วในขณะนี้

 

อ้างอิง: 

The post ประธาน BYD ยังรั้ง Top 10 บุคคลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในจีน แม้ความมั่งคั่งวูบ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้บริหาร XPENG เชื่อ ภายในทศวรรษหน้าจะเหลือแบรนด์รถยนต์เพียง 10 รายเท่านั้นที่อยู่รอดภายในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV https://thestandard.co/xpeng-on-next-decade-ev-brand/ Tue, 25 Apr 2023 12:01:57 +0000 https://thestandard.co/?p=781104

XPENG บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากจีนเผยว่า อุตสาหกรรมรถ […]

The post ผู้บริหาร XPENG เชื่อ ภายในทศวรรษหน้าจะเหลือแบรนด์รถยนต์เพียง 10 รายเท่านั้นที่อยู่รอดภายในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV appeared first on THE STANDARD.

]]>

XPENG บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากจีนเผยว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของโลกจะหดตัวเหลือเพียง 10 บริษัทภายในทศวรรษหน้า ขณะที่การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะขยายไปยังเวทีระดับโลกเช่นกัน

 

Brian Gu รองประธานของ XPENG กล่าวว่า การที่บริษัทจีนจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายสุดท้ายที่ยืนอยู่ บริษัทจะต้องมียอดขายต่อปีอย่างน้อย 3 ล้านคัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการส่งออกทั่วโลก ในปี 2022 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Toyota ขายรถยนต์ได้ 10.5 ล้านคัน ขณะที่ Tesla ขายได้ 1.3 ล้านคัน 

 

คำเตือนดังกล่าวสะท้อนจากจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก เมื่อจีนกำลังแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแซงหน้าเยอรมนีเมื่อปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน การเติบโตที่ชะลอตัวและสงครามราคาที่รุนแรงกำลังเป็นแรงผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้นทุนต่ำในจีนฉายแสงเด่นกว่าใคร

 

Gu เชื่อว่าการจะทำให้บริษัทมียอดขายเกิน 3 ล้านคันนั้น จำเป็นจะต้องเปลี่ยนจากผู้ค้ารายใหญ่ในจีนเป็นผู้ค้ารายใหญ่ในโลกให้ได้ และปริมาณยอดขายเกือบครึ่งหนึ่งจะต้องมาจากนอกประเทศจีน พร้อมทั้งเผยว่า ในอีก 5-10 ปี รถยนต์ EV จะเป็นตลาดที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นจำนวนของผู้เล่นภายในอุตสาหกรรมอาจจะลดลงเหลือน้อยกว่า 10 รายในเวทีระดับโลก

 

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีนที่ย่ำแย่ลง ทำให้แผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทจีนซับซ้อนขึ้น

 

XPENG ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Alibaba และได้ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีการขับขี่แบบไร้คนขับ กำลังตั้งเป้าขยายตลาดไปยังยุโรปในปีนี้ แต่ยังไม่มีแผนที่จะขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ในปัจจุบัน

 

XPENG เช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนทั้งหมด ต้องพึ่งพาชิปของสหรัฐฯ เช่น NVIDIA และ Qualcomm สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าผู้ผลิตรถยนต์ของจีนอาจถูกกีดกัน เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังขยายข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปล้ำสมัยของสหรัฐฯ จากจีน 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง: 

The post ผู้บริหาร XPENG เชื่อ ภายในทศวรรษหน้าจะเหลือแบรนด์รถยนต์เพียง 10 รายเท่านั้นที่อยู่รอดภายในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV appeared first on THE STANDARD.

]]>
ZEEKR แบรนด์รถ EV ของ Geely ระดมทุนได้ 750 ล้านดอลลาร์ ดันมูลค่าบริษัทแซงหน้า XPENG เรียบร้อยแล้ว https://thestandard.co/zeekr-raises-750-million/ Mon, 13 Feb 2023 10:00:05 +0000 https://thestandard.co/?p=749765

ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของ Geely ผู้ผลิตรถ […]

The post ZEEKR แบรนด์รถ EV ของ Geely ระดมทุนได้ 750 ล้านดอลลาร์ ดันมูลค่าบริษัทแซงหน้า XPENG เรียบร้อยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>

ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของ Geely ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน เปิดเผยว่า สามารถระดมทุนได้อีก 750 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุนรอบใหม่ ทำให้มูลค่าบริษัทแตะ 13,000 ล้านดอลลาร์ โดย CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็เป็นหนึ่งในนักลงทุนรอบนี้

 

ด้วยการระดมทุนรอบใหม่ทำให้ตอนนี้มูลค่าบริษัทของ ZEEKR สูงกว่า XPENG บริษัทรถ EV คู่แข่ง ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและฮ่องกงแล้ว ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 8.01 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Refinitiv Eikon ในวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์

 

ปัจจุบัน ZEEKR มีรถ 2 รุ่น คือ ZEEKR 001 และ ZEEKR 009 โดยรถรุ่นที่ 3 อย่าง ZEEKR X เตรียมจะเปิดตัวในปลายปีนี้ โดยในปีที่แล้ว ZEEKR สามารถขายรถยนต์ได้เกือบ 72,000 คันในปีที่แล้ว และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายเป็น 2 เท่าในปีนี้ด้วยกลยุทธ์การขยายตัวไปทั่วโลก

 

ขณะที่ แดนเนียล ตงฮุ่ย หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Geely Holding Group กล่าวว่า การระดมทุน Series-A ครั้งนี้นับเป็นการแสดงความเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตและอนาคตที่แข็งแกร่งของ ZEEKR ซึ่งเป็นแบรนด์ล่าสุดในพอร์ตโฟลิโอของ Geely Holding ที่มีมูลค่าที่แข็งแกร่ง

 

ปัจจุบัน ZEEKR ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ZEEKR ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2021 ได้ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้ว โดยมีแผนจะระดมทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

 

ZEEKR เปิดเผยอีกว่า หนึ่งในนักลงทุนรายใหม่ในรอบนี้ คือ แอมนอน ชาชัว ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mobileye บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Self-Driving) และ CATL ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับต้นๆ ของจีน และเป็นซัพพลายเออร์แบตเตอรี่รถ EV รายใหญ่ที่สุดของโลก

 

โดยเมื่อปีที่แล้ว CATL จับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ZEEKR เป็นเวลา 5 ปี ในการพัฒนารถยนต์พลังงานแบตเตอรี่สำหรับการวิ่งระยะไกล 1,000 กิโลเมตร

 

Geely ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) รายใหญ่อันดับ 4 ในปี 2022 จากยอดขาย ตามรายงานของ China Passenger Car Association

 

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนพยายามที่จะท้าทายโลกซึ่งถูกครอบงำโดยผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปและญี่ปุ่น โดยส่งออกรถยนต์ถึง 3.11 ล้านคันในต่างประเทศในปี 2022 เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อนหน้า


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง:

 

The post ZEEKR แบรนด์รถ EV ของ Geely ระดมทุนได้ 750 ล้านดอลลาร์ ดันมูลค่าบริษัทแซงหน้า XPENG เรียบร้อยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>