×

GoPro หายไปไหน แล้วทำไมแบรนด์ DJI จึงกลายเป็นชื่อเรียกใหม่ของกล้องพกพา

25.11.2025
  • LOADING...

ครั้งหนึ่ง… ไม่ว่าคุณจะถือกล้อง Action Camera ยี่ห้ออะไร เพื่อนของคุณก็จะเรียกมันว่า ‘GoPro’

 

นี่คือพลังของแบรนด์ที่กลายเป็น Generic Name เพราะ GoPro ในยุครุ่งเรืองไม่ได้ขายแค่กล้อง แต่ขายไลฟ์สไตล์ ขายความเท่ จนบริษัทมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2015 หรือเมื่อสิบปีก่อน

 

แต่ 2025 บัลลังก์นี้กำลังสั่นคลอนอย่างรุนแรง เมื่อยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง DJI ที่เคยครองน่านฟ้าด้วยโดรน ได้ยึดพื้นที่กล้องพกพาที่เคยเป็น Legacy ของ GoPro ไปเสียแล้ว

 

🟡 DJI จากโดรนลอยฟ้าสู่กล้องในกระเป๋าทุกคน

 

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน DJI เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าตลาดโดรนระดับโลก แต่วันนี้ DJI กลายเป็นชื่อแรกที่คนทำคอนเทนต์นึกถึง เมื่อต้องเลือกกล้องพกพา

 

ข้อมูลจาก Jiuqian Consulting ระบุว่า DJI ครองตลาดกล้อง Action Camera ทั่วโลกไปแล้วถึง 66% ในขณะที่ GoPro เหลือเพียง 18%

 

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก BCN+R ยังชี้ให้เห็นอัตราการเติบโตที่น่ากลัวของ DJI ในตลาดกล้องวิดีโอที่ส่วนแบ่งตลาดพุ่งทะยานจาก 7.3% ในปี 2021 กลายมาเป็น 37.7% ในปี 2024 แซงหน้าทุกค่ายขึ้นมาเป็นผู้นำ

 

ส่วนแบ่งที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่ความบังเอิญ แต่มาจากการค่อย ๆ สร้างความไว้ใจจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่แบบที่ GoPro เคยเป็นในอดีต

 

🟡 GoPro ยักษ์ใหญ่ที่ขยับช้าเกินไป

 

มูลค่าบริษัท GoPro เคยสูงถึง 1.68 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2015 พวกเขาสร้างตัวเองมาจากโลกของกีฬา Extreme และกลุ่มผู้ใช้ที่รักการผจญภัย นั่นคือจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์เติบโตเร็วและมีฐานแฟนเหนียวแน่น แต่เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของ Vlogger และ Creator ที่เน้นความคล่องตัว ความง่าย และความเร็ว GoPro ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่

 

กล้องของ GoPro ยังคงทนเหมือนเคย แต่ความต้องการของผู้ใช้เปลี่ยนไป ที่สำคัญคือมี Pain Point ที่ GoPro ณ ขณะนั้นไม่ได้ปรับตามเสียงผู้ใช้ ทั้งเรื่องแบตเตอรี่ที่หมดไว ภาพในที่แสงน้อยที่ยังไม่ดีพอ หรือเมนูที่ใช้งานยาก

 

จังหวะการปรับตัวที่ช้ากว่าคู่แข่ง ทำให้ภาพของแบรนด์เริ่มจางลงในสายตาผู้บริโภคยุคใหม่

 

🟡 DJI ขายระบบนิเวศของการสร้างคอนเทนต์

 

คำถามคือ DJI เริ่มกระโดดเข้ามาแย่งชิงตลาดได้อย่างไร

 

DJI ไม่ได้กระโจนเข้ามาแข่งด้วยโฆษณา หรือราคาถูก แต่ใช้ DNA แบบวิศวกร ค่อย ๆ แก้ปัญหาของ Creator ทีละจุด

 

📸 เปลี่ยนจากการขายกล้อง เป็นขายโซลูชันที่ผู้บริโภคมองหา: ขณะที่ GoPro พยายามขายความถึกทน DJI เลือกที่จะสร้างโปรดักต์ที่แก้ Pain Point ของ Creator โดยตรง

 

🔸ส่งกล้องจิ๋วติดกิมบอล (Osmo Pocket) มาแก้ปัญหาภาพนิ่งไม่สวย

🔸ส่งไมโครโฟนไร้สายคุณภาพสูง (DJI Mic) มาปิดจุดอ่อนการอัดเสียง

🔸ออกกล้อง Action Camera ที่มีจอด้านหน้าและระบบแม่เหล็กที่ถอดเปลี่ยนได้เร็ว เพื่อความสะดวกสำหรับ Content Creator

 

📸 สร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์: พวกเขาไม่ได้ทำให้ลูกค้าซื้อแค่กล้องตัวเดียวจบ แต่ทำให้รู้สึกว่าสินค้า DJI คือ ‘ชุดเครื่องมือ’ ที่ต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้การถ่ายทำราบรื่นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโดรน, กิมบอล, หรือกล้อง Action Cam ทั้งหมดเชื่อมโยงกันจนคู่แข่งเจาะเข้ามาแย่งลูกค้าได้ยาก

 

🟡 อนาคตสงคราม 3 ก๊กของสามยักษ์ใหญ่

 

แม้ GoPro จะเสียพื้นที่ในตลาดหลัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้นั่งรอความพ่ายแพ้ บริษัทกำลังปรับตัวไปสู่บทบาทใหม่ ใช้คลังวิดีโอมหาศาลที่เคยถูกเก็บไว้มานาน ให้กลายเป็นสินค้าขายได้ ด้วยการจับมือกับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลภาพจากโลกจริง

 

ส่วน DJI ก็ไม่ได้หยุดแค่กล้อง พวกเขากำลังเข้าสู่โลกของจักรยานไฟฟ้า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ เพราะเป้าหมายของพวกเขา ไม่ใช่แค่การเป็นผู้นำตลาดกล้อง แต่เป็นการสร้างอาณาจักรเทคโนโลยีที่เข้ามาอยู่ในชีวิตผู้คนทุกวัน

 

นอกจากนั้น ยังมีInsta360 คือผู้เล่นใหม่คนสำคัญที่ไม่หยุดนวัตกรรม จนอาจตีเสมอ DJI ได้ในไม่ช้า ด้วยกล้อง 360 องศา เลนส์ความละเอียดสูง และการร่วมมือกับ Leica ที่ยกระดับคุณภาพไปอีกขั้น

 

เรื่องของ GoPro และ DJI ไม่ใช่แค่เกมธุรกิจ แต่มันคือภาพสะท้อนของโลกที่เปลี่ยนเร็ว และความจริงที่ว่า ไม่มีแบรนด์ไหนยืนหนึ่งได้ตลอดไป

 

ความแข็งแกร่งของแบรนด์ ไม่อาจทดแทนความเข้าใจในผู้ใช้ และความกล้าในการเปลี่ยนแปลงก่อนจะสายเกินไป

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising