THE STANDARD WEALTH - สำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน

×
THE STANDARD HOME ECONOMIC MARKET BUSINESS CRYPTOCURRENCY OPINION WEALTH MANAGEMENT WORK & LEADERSHIP LIFESTYLE & PASSION
คาซัคสถาน
EXCLUSIVE CONTENT

‘คาซัคสถาน’ ประเทศที่ไทยพุ่งเป้าตีตลาดท่องเที่ยวใหม่ ที่แห่งนี้มีอะไรซ่อนอยู่?

... • 22 ก.ย. 2023

เคยมีคำพูดที่ว่า ‘ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ’ หากเป็นเช่นนั้น ก็คงไม่ห่างไกลมากนักที่จะพูดว่าชาวจีนถือเป็นกลุ่มสำคัญที่ค้ำยันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมาตลอดหลายปี จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด

 

แม้ในปัจจุบันจีนจะเปิดประเทศแล้วก็ตาม แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรที่เข้ามาเยือนไทยก็ยังถือว่าน้อยมาก จนทำให้กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 กันยายน 2023) การประชุมคณะรัฐมนตรี นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย โดยยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน

 

หากเทียบเป็นเชิงตัวเลข ในช่วงก่อนโควิดเมื่อปี 2018 มีชาวคาซัคสถานเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยจำนวน 58,129 คน ในขณะที่มีชาวไทยเพียงแค่ประมาณ 516 คนเดินทางไปเที่ยวที่คาซัคสถาน หรือคิดเป็นสัดส่วน 1% ของนักท่องเที่ยวคาซัคสถานที่เข้ามาเที่ยวไทยในปีนั้น แสดงให้เห็นถึงความสนใจท่องเที่ยวที่ต่างกันระหว่างคนของ 2 ประเทศ

 

สำหรับ ‘คาซัคสถาน’ ประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าไทยถึง 5 เท่า และมีขนาดเป็นอันดับ 4 ของเอเชียรองจากรัสเซีย จีน และอินเดีย THE STANDARD WEALTH จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประเทศนี้ให้มากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลไทยต้องการพุ่งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน

 

ทำไมต้องเป็นคาซัคสถาน?

ก่อนที่จะลงไปถึงรายละเอียดเกี่ยวกับคาซัคสถาน สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมประเทศที่บางคนไม่ค่อยจะคุ้นเคย ถึงเป็นเพียง 1 ใน 2 แห่งที่ถูกเลือกให้ได้วีซ่าฟรี?

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2022 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับโจทย์ให้โปรโมตการท่องเที่ยวกับกลุ่มคนในเอเชียกลาง เพื่อขยายฐานนักท่องเที่ยวให้กว้างขึ้นแทนที่จะพึ่งพาแค่ต่างชาติกลุ่มเดิม

 

การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาเผยว่า นักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานได้เดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 108,636 คนในปีนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กันยายน 2023) ซึ่งสูงเกือบ 2 เท่าตัวก่อนเกิดโควิด ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากตลาดใหม่นี้ได้ชัดเจน

 

กระทรวงมหาดไทยจึงประกาศอนุมัติ ‘วีซ่าฟรี’ ให้กับชาวคาซัคสถาน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ประเทศนอกจากจีนที่ได้รับผลประโยชน์นี้ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 25 กันยายน 2023 - 29 กุมภาพันธ์ 2024 เพื่อหวังฟื้นการท่องเที่ยวให้กลับมาเดินหน้าต่อได้เต็มที่อีกครั้ง 

 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักท่องเที่ยวคาซัคสถานใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในประเทศไทยนานและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งตัวเลขเฉลี่ยในปี 2019 ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือเป็นมูลค่าที่สูงกว่ากลุ่มอื่นที่ 4,365 บาทต่อคนต่อวัน และพักผ่อนที่ไทยเฉลี่ยเป็นระยะเวลานาน 14 วัน

 

ชาวคาซัคสถาน (บางคน) มีกำลังซื้อสูงเพราะอะไร?

หลังจากการประกาศอิสรภาพของคาซัคสถานออกจากสหภาพโซเวียตที่ได้ล่มสลายไปในปี 1991 คาซัคสถานก็ค่อยๆ เดินหน้าพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น

 

ข้อได้เปรียบที่ทำให้ประเทศนี้ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในเอเชียกลางคือ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก โดยมีน้ำมัน สินค้าส่งออกหลักที่มีปริมาณมากเป็นอันดับ 2 ในบรรดา 15 รัฐหลังสหภาพโซเวียตทั้งหมด (Post-Soviet States) เป็นจักรกลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของคาซัคสถาน รวมไปถึงก๊าซธรรมชาติ แร่ยูเรเนียม และธาตุอื่นๆ เป็นสัดส่วนกว่า 58% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด จากรายงาน International Trade Administration (ITA) ของสหรัฐอเมริกา

 

ข้อมูลล่าสุดปี 2022 โดย World Nuclear Association (WNA) เผยว่า คาซัคสถานเป็นผู้ผลิตแร่ยูเรเนียมรายใหญ่ที่สุดในโลก สามารถผลิตได้เป็น 3 เท่าของผู้ผลิตอันดับ 2 อย่างแคนาดา ซึ่งสอดรับกับทิศทางความต้องการแหล่งพลังงานทางเลือกในบางประเทศ เพื่อลดการพึ่งพิงจากรัสเซีย และเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

 

ด้วยเหตุนี้ WNA จึงคาดการณ์ว่าตัวเลขความต้องการแร่ยูเรเนียมที่ 65,650 ตันในปี 2023 จะเพิ่มขึ้นไปอีก 28% ในปี 2030 และอีกเกือบเท่าตัวจากปริมาณเดิมของปีนี้ภายในปี 2040 ทำให้คาซัคสถานมีแนวโน้มที่จะได้รับผลประโยชน์จากเทรนด์ดังกล่าวด้วย

 

นอกจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่หลากหลาย ตำแหน่งที่ตั้งทำให้คาซัคสถานเป็นศูนย์กลางทางโลจิสติกส์แห่งใหม่ในการค้าขายและขนส่งสินค้าต่างๆ ของภูมิภาค ไม่ว่าจะกับจีนที่เป็นตลาดใหญ่และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเชื่อมเอเชียใต้สู่รัสเซียและยุโรปตะวันตกด้วยถนน ทางรถไฟ และท่าเรือสู่ประเทศแถบทะเลแคสเปียน 

 

ถึงแม้สภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นจะทำให้ซัพพลายเชนของคาซัคสถานสะดุดไปบ้าง แต่เศรษฐกิจของประเทศก็ยังเติบโตได้ที่ 4.6% ใน 5 เดือนแรกของปี 2022 และ IMF คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจก็จะโตได้อีก 4.3% ซึ่งยังครองตำแหน่งขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง

 

จากที่กล่าวไปข้างต้น การเฟื่องฟูของธุรกิจน้ำมันและซัพพลายที่มากเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันให้คาซัคสถานมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งต่อไปถึงกำลังซื้อที่สูงด้วย โดยในปี 2021 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 24,970 ดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าของไทยในปีเดียวกันที่ 18,855 ดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของ World Bank

 

อย่างไรก็ตาม แม้ชนชั้นกลางชาวคาซัคสถานจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยหนุนการจับจ่ายสินค้าคุณภาพที่มีราคาสูงให้เป็นที่ต้องการมากขึ้น แต่การกระจายของรายได้ที่มาจากการส่งออกน้ำมันก็ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่กับคนบางกลุ่ม ไม่ได้ไปถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม ทำให้ความเหลื่อมล้ำยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศ

 

ชาวคาซัคสถานกว่า 15.5% ยังคงเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจน การคอร์รัปชันก็เป็นปัญหาที่ต้องถูกแก้ไขอย่างจริงจังโดยรัฐบาล เพื่อให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า และพัฒนาให้ประเทศไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น

 

กลับมาที่เรื่องการท่องเที่ยว การตัดสินใจอนุมัติวีซ่าฟรีให้กับประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ในเอเชียกลางครั้งนี้ น่าจะเป็นผลบวกกับการท่องเที่ยวไทยจากการประเมินของหน่วยงานรัฐกับนโยบายนี้ ที่จะสร้างจูงใจให้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานที่มีกำลังใช้จ่ายเพียงพอหนีหนาวเข้ามาพักผ่อนในไทยมากขึ้น

 

สุดท้ายเราก็ต้องจับตาดูกันต่อคือ หลังจาก 25 กันยายน 2023 ไปอีก 5 เดือน ยอดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเข้ามาตามเป้าที่วางไว้ได้มากหรือน้อยขนาดไหน? หลัง ‘วีซ่าฟรี’ ถูกเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการ

 

อ้างอิง:

กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความ EXCLUSIVE CONTENT ฟรี!

อีเมลนี้ถูกใช้สมัครสมาชิกเข้ามาในระบบแล้ว

กรุณาตรวจสอบกล่องจดหมายในอีเมลที่ใช้สร้างบัญชีกับ
The STANDARD จากนั้นทำการยืนยันอีเมลของคุณ

หากค้นหาไม่พบอีเมลที่กล่องจดหมายเข้า (inbox)
กรุณาตรวจสอบที่กล่องจดหมายขยะ (junk mail)

... • 22 ก.ย. 2023

READ MORE



Latest Stories