×

เดิมพันแมวป่าโอซีล็อต กลยุทธ์ควอนตัม AWS

31.07.2025
  • LOADING...
amazon-quantum-ocelot

Amazon ไม่ได้แค่เข้าร่วมการแข่งขันควอนตัม แต่กำลังพยายามเขียนกฎกติกาทางเศรษฐศาสตร์ของมันใหม่ทั้งหมด

 

เป็นเวลาหลายปีที่การแข่งขันสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ใช้งานได้จริง ดูเหมือนเป็นการวิ่งแข่งระยะสั้นที่ตรงไปตรงมา บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีอย่าง Google, IBM และ Microsoft ต่างต่อสู้กันเพื่อความเป็นหนึ่ง โดยมีจำนวน “คิวบิต” (qubit) ซึ่งเป็นหน่วยโครงสร้างพื้นฐานของพลังการประมวลผลควอนตัม เป็นเหมือนกระดานคะแนนหลัก ยิ่งมีคิวบิตมากเท่าไร ก็ยิ่งหมายถึงศักดิ์ศรีและเส้นทางที่สั้นลงสู่การสร้างเครื่องจักรที่สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมทำไม่ได้

 

แต่บัดนี้ Amazon Web Services (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยไพ่ใบสำคัญที่อาจเปลี่ยนทิศทางการแข่งขันนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเปิดตัว “Ocelot” ซึ่งไม่ใช่แค่โปรเซสเซอร์ควอนตัมตัวใหม่ แต่ยังเป็นการประกาศเจตจำนงเชิงกลยุทธ์ที่ท้าทายแนวทางของคู่แข่งโดยตรง AWS กำลังเดิมพันว่าผู้ชนะในเกมควอนตัมอาจไม่ใช่ผู้ที่มีคิวบิตมากที่สุด แต่เป็นผู้ที่ทำให้มันมีคุณภาพและมีราคาถูกที่สุดต่างหาก

 

amazon

ภาพ: Amazon

 

โดยหลักการแล้วคอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นเครื่องจักรที่แตกต่างโดยพื้นฐาน ในขณะที่คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมใช้ “บิต” ที่มีค่าเป็น 1 หรือ 0 เท่านั้น คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้ “คิวบิต” ซึ่งอาศัยหลักการที่เรียกว่า “ซูเปอร์โพซิชัน” (superposition) ทำให้หนึ่งคิวบิตสามารถเป็นได้ทั้ง 1 และ 0 ในเวลาเดียวกัน และเมื่อหลายคิวบิตถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การพัวพัน” (entanglement) จำนวนความเป็นไปได้ที่พวกมันสามารถสำรวจได้ก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ความสามารถในการทำงานแบบคู่ขนานนี้เองที่อาจปลดล็อกวิธีแก้ปัญหาอันซับซ้อนมหาศาล แต่ก็มาพร้อมกับจุดอ่อนร้ายแรง นั่นคือซูเปอร์โพซิชันอันทรงพลังของคิวบิตนั้น บอบบางราวกับฟองสบู่ เพียงแค่การรบกวนเล็กน้อยจากความร้อน การสั่นสะเทือน หรือแม้กระทั่งรังสีคอสมิก ก็สามารถทำให้มัน “สลายตัว” (decoherence) หรือแตกสลายลงได้ ทำลายการคำนวณทั้งหมด นี่คือเหตุผลว่าทำไม “Holy Grail” ของวงการนี้คือการแก้ไขข้อผิดพลาด (error correction) จนถึงปัจจุบัน แนวคิดที่เคยแพร่หลายคือการสร้างเครื่องจักรที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยหาวิธีควบคุมความไม่เสถียรที่มีอยู่โดยธรรมชาตินี้ในภายหลัง

 

ภาพ: Amazon

ภาพ: Amazon

 

หัวใจของกลยุทธ์นี้คือสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “cat qubits” ซึ่งเป็นนวัตกรรมหลักของชิป Ocelot แทนที่จะเดินตามรอยคู่แข่ง ที่ใช้คิวบิตแบบ “ทรานสมอน” (transmon) ซึ่งเปราะบางและต้องการทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการแก้ไขข้อผิดพลาด (error correction) Ocelot ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับข้อผิดพลาดในระดับฮาร์ดแวร์ ด้วยการใช้คิวบิตที่มีความทนทานต่อข้อผิดพลาดประเภท “bit-flip” ในตัว ต่างจากแนวทางทั่วไปที่ออกแบบฮาร์ดแวร์ก่อนแล้วค่อยมาต่อเติมระบบแก้ไขข้อผิดพลาดทีหลัง มันยังถูกวางแผนและสร้างขึ้นโดยให้ “เสถียรภาพ” เป็นหัวใจหลักตั้งแต่ต้น (ตัวชิปประกอบด้วยซิลิคอน 2 ชั้นและวงจรตัวนำยิ่งยวด ภายในมี 14 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 5 cat qubits สำหรับจัดเก็บข้อมูล, 5 buffer circuits และ 4 ancillary qubits ที่ทำหน้าที่ตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดแบบ real-time โดยไม่สูญเสียข้อมูลควอนตัม

 

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก AWS อ้างว่าแนวทางนี้สามารถ “ลดค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรในการแก้ไขข้อผิดพลาดลงได้ถึง 90%”

 

 

ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์โดยสิ้นเชิง ในขณะที่แนวทาง “surface code” ของ Google อาจต้องการคิวบิตทางกายภาพหลายพันตัวเพื่อสร้างคิวบิตเชิงตรรกะ (logical qubit) ที่เสถียรเพียงตัวเดียว Ocelot สามารถสร้างคิวบิตเชิงตรรกะที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันโดยใช้คิวบิตทางกายภาพเพียง 9 ตัว นี่คือความได้เปรียบทางเศรษฐศาสตร์ ที่สอดคล้องกับดีเอ็นเอของ AWS ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ ที่มุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในระดับมหาศาล หากมีการขยายขนาดเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ พวกเขาอาจทำให้แนวทางที่ใช้ทรัพยากรมหาศาลของคู่แข่งดูฟุ่มเฟือยและไม่ยั่งยืนในเชิงพาณิชย์ ออสการ์ เพนเตอร์ (Oscar Painter) นักวิทยาศาสตร์ของ AWS ยังชี้อีกว่า ด้วยการจัดการกับปัญหาที่ต้นตอ แนวทางนี้ อาจช่วยให้เราได้คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทนทานต่อข้อผิดพลาด (fault-tolerant) เร็วขึ้นถึง 5 ปีเมื่อเทียบกับวิธีอื่น

 

กลยุทธ์บนกระดานควอนตัม

 

การมุ่งเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานนี้ทำให้กลยุทธ์ของ AWS แตกต่างจากคู่แข่งซึ่งแต่ละรายกำลังทุ่มเดิมพันราคาแพง ที่แตกต่างกันไป เพื่ออนาคตควอนตัม

  • Google กำลังเดินหน้าด้วยแนวทาง “full-stack” คือมุ่งมั่นที่จะสร้างทุกอย่างตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง ด้วยความเชื่อที่ว่าการบูรณาการในแนวดิ่งคือหนทางสู่การขยายขนาดเครื่องจักร
  • Microsoft กำลังทุ่มเดิมพันความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนสูงกับ “topological qubits” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่หากทำสำเร็จ ก็อาจพลิกเกมแซงหน้าคู่แข่งทั้งหมดได้ในคราวเดียว โดยบริษัทป้องกันความเสี่ยงนี้ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure Quantum
  • IBM ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกในสาขานี้ ยังคงยึดมั่นกับ “superconducting qubits” ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของตน พร้อมกับทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนาซอฟต์แวร์แก้ไขข้อผิดพลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่เรียกว่า qLDPC

 

 

สามเสาหลักสู่การเป็นเจ้าตลาด

 

Ocelot เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง กลยุทธ์ควอนตัมของ AWS นั้นวางอยู่บนสามเสาหลักที่ทำงานเสริมซึ่งกันและกันอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างการครอบงำตลาดในระยะยาว

 

เสาหลักแรกคือการวิจัยขั้นพื้นฐาน ผ่าน AWS Center for Quantum Computing ที่ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) ศูนย์แห่งนี้คือแหล่งกำเนิดของ Ocelot และเป็นเครื่องยนต์ R&D ที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาที่ยากที่สุดในวงการ โดยมีปรัชญาชี้นำว่าการแก้ไขข้อผิดพลาดต้องเป็นหัวใจของการออกแบบตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ปัญหาที่ตามแก้ทีหลัง

 

เสาหลักที่สองคือ Amazon Braket ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและหน่วยข่าวกรองทางการตลาด Braket เป็นตลาดกลางที่เปิดให้ลูกค้าเข้าถึงฮาร์ดแวร์ควอนตัมจากผู้ให้บริการหลากหลายค่าย (เช่น IonQ, Rigetti, QuEra) ทำให้ AWS ไม่ต้องเดิมพันกับเทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียว ในขณะเดียวกัน การเป็นตัวกลางทำให้ AWS สามารถรวบรวมข้อมูลอันล้ำค่าว่าลูกค้าใช้งานระบบควอนตัมอย่างไร และปัญหาประเภทไหนที่พวกเขาต้องการแก้ไข ข้อมูลนี้จะถูกป้อนกลับไปเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนา Ocelot ต่อไป

 

ภาพ: Amazon

ภาพ: Amazon

 

เสาหลักสุดท้ายคือการสร้างตลาด ผ่านโปรแกรมอย่าง Quantum Solutions Lab และ Quantum Embark AWS ไม่ได้แค่นั่งรอให้ลูกค้าเข้ามาหา แต่กำลังทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความต้องการ โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรขนาดใหญ่อย่าง BMW และ Goldman Sachs เพื่อช่วยระบุกรณีการใช้งานที่มีศักยภาพและสร้างองค์ความรู้ภายในองค์กรเหล่านั้น พูดง่ายๆ คือ AWS กำลังเปลี่ยนบริษัทที่ “แค่อยากรู้” ให้กลายเป็นลูกค้าที่ “พร้อมใช้” ซึ่งจะกลายเป็นฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นในอนาคต

 

การผสมผสานระหว่างการเดิมพันฮาร์ดแวร์ที่มีความเสี่ยงสูงในระยะยาว (Ocelot) กับกลยุทธ์การเป็นตลาดกลางที่มีความเสี่ยงต่ำในระยะสั้น (Braket) ถือเป็นการวางหมากที่แยบยล มันทำให้ AWS สามารถเรียนรู้และทำกำไรจากระบบนิเวศควอนตัมในปัจจุบัน ในขณะที่กำลังพัฒนาอาวุธลับที่อาจพลิกโฉมการแข่งขันในอนาคต

 

 

จากห้องทดลอง สู่สมรภูมิควอนตัม

 

ภูมิทัศน์การแข่งขันในยุคควอนตัมได้ก้าวข้ามการเปรียบเทียบทางเทคโนโลยีไปแล้ว และกำลังกลายเป็นสมรภูมิบทใหม่ใน “สงครามคลาวด์” ที่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

 

ภัยคุกคามที่แท้จริงจาก AWS อาจไม่ใช่แค่ชิป Ocelot เพียงอย่างเดียว หากแต่คือความสามารถในการหลอมรวมความได้เปรียบด้านต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี cat qubit เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่พวกเขาครอบครองผ่าน Braket ได้อย่างไร้รอยต่อ ในโลกที่แอปพลิเคชันควอนตัมจำนวนมากยังต้องพึ่งพาการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม การที่ AWS เป็นเจ้าของทั้งสองฝั่งของสมการ  ทั้งควอนตัมและคลาสสิก  คือข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ที่คู่แข่งยากจะเทียบเคียง

 

แม้ว่า Ocelot จะยังอยู่ในขั้นต้นแบบ และเทคโนโลยี cat qubit ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในระดับใหญ่เท่าคู่แข่ง แต่ทิศทางของ AWS นั้นชัดเจน พวกเขากำลังวางเดิมพันบนรากฐานของ เศรษฐศาสตร์แห่งการประมวลผล มากกว่าฟิสิกส์เพียงอย่างเดียว และในเกมนั้น ยักษ์ใหญ่คลาวด์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างบริการขนาดใหญ่ที่ขยายตัวได้รวดเร็วและคุ้มค่า อาจกลายเป็นผู้กำหนดกติกาของสนามรบนี้

 

ความจริงที่เผยออกมาอย่างชัดเจนคือ ผู้ชนะในสนามนี้อาจไม่ใช่บริษัทที่มีเครื่องควอนตัมทรงพลังที่สุดในห้องปฏิบัติการ แต่อาจเป็นผู้ที่สามารถนำศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่นี้ออกจากห้องทดลอง มาประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบดั้งเดิมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ท้ายที่สุดแล้ว ความท้าทายสูงสุดของคอมพิวเตอร์ควอนตัมจึงไม่ใช่แค่การทำให้มัน “ทำงานได้” แต่คือการทำให้มัน “มีคุณค่าที่จับต้องได้” ในโลกแห่งความเป็นจริง  ตั้งแต่การเร่งค้นคว้ายา ไปจนถึงการจำลองโมเดลเศรษฐกิจระดับโลก หากใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเครื่องจักรที่เปราะบางเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ได้จริงก่อนคู่แข่ง คนผู้นั้นก็อาจจะเป็นผู้ชนะในเกมควอนตัมอย่างแท้จริง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising