เมื่อช่วงเย็นวันนี้ ที่สวนเบญจกิติ พรรคอนาคตใหม่ นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค, พล.ท. พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค, กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค, พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค รวมถึงผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 30 เขต ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกิจกรรม ‘ปิกนิกอนาคตใหม่’ โดยมีประชาชนร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ รูปแบบการจัดเวทีในวันนี้เป็นไปภายใต้แนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเปิดให้ผู้เข้าร่วมข้างล่างเวทีสามารถร่วมกันตั้งคำถาม หรือมีข้อเสนอแนะนโยบายแต่ละด้านได้ บรรยากาศในเวทีเป็นไปอย่างเรียบง่ายเป็นกันเอง มีการร่วมแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา นโยบายคมนาคม ความหลากหลายทางเพศ ปฏิรูปกองทัพ และนโยบายยาเสพติด
โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษาด้านนโยบายการเกษตร ขึ้นพูดถึงนโยบายกัญชาของพรรคอนาคตใหม่ที่เวทีนี้เป็นครั้งแรก
พิธา กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีเป้าหมายอยากเห็นประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศศูนย์กลางเกี่ยวกับกัญชาชั้นนำของโลก ทั้งด้านการแพทย์ การท่องเที่ยวสันทนาการ แต่สำหรับแผนระยะสั้น คือการกระจายโอกาสกัญชาให้กับ 1. ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องการรักษาทางเลือกมากกว่าแบบแผนปัจจุบัน 2. กระจายโอกาสให้เกษตรกร พ.ร.บ. ล่าสุดอาจจะบอกว่าปลดล็อกปลูกกัญชา บอกว่าวิสาหกิจชุมชนปลูกได้ แต่ความเป็นจริงเกษตรกรยังไม่รู้ว่าวิสาหกิจนั้นเริ่มต้นต้อง 7 คนขึ้น ยังไม่รู้เรื่องเมล็ดพันธุ์ เรื่องเทคโนโลยีซึ่งควรต้องได้รับการสนับสนุน
“สำหรับระยะกลาง จากที่ผมเคยไปจาเมกา โดยเฉพาะที่บ้านเกิดของ บ็อบ มาร์เลย์ คือเมืองเซนต์แอนน์ นั้นถูกจัดพื้นที่พิเศษเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกี่ยวกับกัญชา เป็นพื้นที่พิเศษสูบกัญชาแบบสันทนาการได้ ซึ่งเงินภาษีที่เก็บได้นำไปช่วยเรื่องการศึกษา อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยกัญชาเป็นเรื่องใหม่ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีต่างๆ เราอาจมีภูมิภาคหนึ่งเป็นพิเศษสำหรับทดลอง ศึกษาการใช้กัญชาในเชิงสันทนาการ และดูว่าปัญหาต่างๆ เหล้า เบียร์ บุหรี่ เมาแล้วขับ ลดหรือไม่ ประสิทธิภาพของผู้คน แรงงานเป็นอย่างไร ผมเห็นว่าเงินที่ได้จากภาษีสามารถช่วยสังคมได้อีกมากมาย แต่การทำนั้นต้องทำให้มีคุณภาพ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปสนับสนุนทั้งผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีต่างๆ ด้วย” พิธา กล่าว
จากนั้นปิยบุตร ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวถึงปัญหาการเมืองที่ประเทศไทยเผชิญ วงจรรัฐประหารซ้ำซากในประเทศไทยที่ไม่เคยปล่อยให้ประชาธิปไตยได้เติบโต รวมทั้งปลุกคนรุ่นใหม่ให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นประตูบานแรกที่จะเปิดไปสู่การเปลี่ยนแปลง ขณะที่ธนาธรกล่าวถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจ และแนวทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากการที่ประเทศมีรายได้ปานกลาง ผ่านนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคอนาคตใหม่
นอกจากนี้ ธนาธรยังได้กล่าวถึงก้าวย่างต่อไปของพรรคอนาคตใหม่ ว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่นับว่ายังอยู่ในระยะตั้งต้นของการก่อตั้งพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็งในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยพลังของ ‘Futurista’ หรือชาวอนาคตใหม่ ในการร่วมแรงร่วมใจกันลุกขึ้นมามีส่วนร่วม โดยเฉพาะหน้าคือการเป็นอาสาสมัครสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนในระยะยาวคือการร่วมเป็นพลังที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยไปด้วยกันกับพรรคอนาคตใหม่
“อนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคธนาธร ธนาธรทำคนเดียวไม่ได้ เราไม่ต้องการให้พรรคขึ้นอยู่กับธนาธร ไม่ต้องการให้พรรคขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่ง เพราะเรารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนทุกคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ลุกขึ้นมาเรียกร้องลุกขึ้นมาทำพร้อมกันเท่านั้น ทุกคนคือ ‘Futurista’ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศนี้” ธนาธร กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากจบการปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 19.45 น. ประชาชนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่มาร่วมฟังการปราศรัย ต่างได้เข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยแลกเปลี่ยนนอกรอบกับธนาธรและผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอย่างล้นหลาม จนกินเวลายาวไปถึงประมาณ 20.30 น. จึงสิ้นสุดลง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์