7 มีนาคม 62 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ยุบพรรคไทยรักษาชาติตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92(2) โดยศาลวินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติโดยการเสนอพระนาม ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล’ ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีการลงมติวินิจฉัยในอีก 2 ประเด็นคือ ศาลมีมติเสียงข้างมาก (6:3) เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นเวลา 10 ปี
รวมถึงศาลมีมติเอกฉันท์ ห้ามกรรมการบริหารพรรคไปจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือไปเป็นกรรมการบริหารพรรค หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายใน 10 ปี
ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช เดินออกจากห้องพิจารณาคดี พร้อมสถานะอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า จากที่ได้รับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตนและกรรมการบริหารพรรคในฐานะ ทษช. ยืนยันว่าได้น้อมรับพระราชโองการเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งคำวินิจฉัยเป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้รับทราบแล้ว ตนและคณะกรรมการบริหารพรรครู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง การยุบพรรคส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพทางการเมืองขั้นพื้นฐาน อย่างน้อยก็กระทบต่อผู้สมัครของพรรค และพี่น้องประชาชนที่มุ่งหน้าจะไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ตนขอขอบคุณทุกกำลังใจจากพี่น้องประชาชน แม้พรรค ทษช. จะมีอายุที่ไม่ยาวเพียง 4 เดือนเท่านั้น ที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว แต่ก็ได้รับความเมตตาจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เราพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากเห็นบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดี และอยากทำสิ่งดีๆ ให้กับบ้านเมือง โดยมีเจตนาบริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา
“เราทุกคนปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ไม่มีใครคิดร้าย ผมอยากให้พวกเราทุกๆ คนทำหน้าที่ของตนเอง แม้ว่ากรรมการบริหารพรรคจะถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง ผมเชื่อว่าในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็ตาม ในฐานะคนไทยผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจ เราคงได้พบกันใหม่เมื่อมีโอกาส” ร้อยโท ปรีชาพล กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
สำหรับพรรคไทยรักษาชาติ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก ‘พรรคไทยรวมพลัง’ เป็น ‘พรรคไทยรักษาชาติ’ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 นับจนถึงวันที่ศาลตัดสินยุบพรรคจึงเป็นวันครบรอบ 4 เดือนพอดี
ขณะที่กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ เดิมมีทั้งหมด 14 คน แต่ ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรค ได้ยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทำให้กรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิตามคำวินิจฉัยของศาลมีทั้งสิ้น 13 คน