คล้อยหลังเพียง 2 วัน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และเพิกถอนสิทธิการรับสมัครเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคทั้ง 13 คนเป็นระยะเวลา 10 ปี
ในที่สุดช่วงบ่ายวันนี้ (9 มี.ค.) ก็มีความเคลื่อนไหวจาก 9 อดีตแกนนำที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ได้แก่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายประภัสร์ จงสงวน, นายนิคม ไวยรัชพานิช, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายอุเมส ปานเดย์ และนายพชร ธรรมมล โดยทั้ง 9 คน ได้ออกมาตั้งโต๊ะร่วมกันแถลงจุดยืนถึงอนาคตทางการเมืองต่อจากนี้
นายจาตุรนต์ ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงสิ่งที่จะทำต่อไปว่า วันนี้เราทุกคนมาในฐานะอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเราทุกคนได้ร่วมงานกับพรรคตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาด้วยความตั้งใจที่จะทำให้พรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคการเมืองที่จะทำหน้าที่ให้เกิดประชาธิปไตยในบ้านเมือง ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. และสนับสนุนให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยเพื่อเเก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
พวกเราได้รับการต้อนรับสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศมาเป็นลำดับ เรามีความรู้สึกเสียดายที่พรรคต้องถูกยุบและต้องยุติบทบาท เมื่อพรรคถูกยุบจึงหมายความว่านอกจากคณะกรรมการบริหารถูกเพิกถอนสิทธิ สมาชิกที่เป็นผู้สมัครทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อก็จะหมดสถานะการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และหมดสถานะการเป็นสมาชิกพรรค จะเหลือเพียงสถานะประชาชนที่เป็นนักการเมืองที่ยังไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่ยังมีสิทธิมีเสียงที่จะไปดำเนินการต่างๆ ทางการเมืองได้
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่าในส่วนของผู้สมัครอีกจำนวนมากก็อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือและรับฟังเสียงผู้สนับสนุนว่าจะมีบทบาทอย่างไรต่อไป เพื่อให้มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
ในส่วนของพวกเราที่มาในวันนี้ทั้ง 9 คนมีความคิดเห็นร่วมกันว่า เมื่อเรามีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะหยุดยั้งรัฐบาล คสช. และสร้างประชาธิปไตยให้แก่บ้านเมืองต่อไป ถึงแม้เราจะไม่เป็นผู้สมัครก็จะดำรงจุดมุ่งหมายเดิมต่อไปเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่มีอยู่ ซึ่งจากนี้ไปเราจะเปิดเวทีสื่อสารกับประชาชนเพื่อที่จะใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนที่เคยสนับสนุนและผู้ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองออกจากวิกฤตจะได้ร่วมกันทำภารกิจหยุดยั้ง คสช. และนำบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตย โดยจะดำเนินกิจกรรมดังกล่าวทั่วประเทศ
นายจาตุรนต์เปิดเผยอีกว่าเวลานี้มีเสียงเรียกร้องให้เราสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ก็ต้องประเมินกันต่อไป เมื่อเราไม่ได้เป็นผู้สมัครแล้วก็ต้องศึกษากฎกติกาของ กกต. แต่กิจกรรมจะดำเนินไปโดยไม่รอช้า เราจะทำอย่างเต็มที่ ในระหว่างนั้นจะศึกษาข้อจำกัดของกฎหมายรวมทั้งความเหมาะสมของกิจกรรมที่เห็นว่าเป็นประโยชน์สูงสุด โดยทั้งหมดนี้จะดำรงจุดหมายที่เรามีอยู่ เพราะไม่ต้องการหยุดไปเฉยๆ เมื่อพรรคการเมืองถูกยุบ นี่คือความตั้งใจร่วมกัน และไม่ได้จำกัดแต่เพียงพวกเราเท่านี้
ด้านนายณัฐวุฒิ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรค เปิดเผยว่าแม้วันนี้เส้นทางไทยรักษาชาติในสนามเลือกตั้งยุติแล้ว แต่เส้นทางการต่อต้านการสืบทอดอำนาจและการนำประชาธิปไตยกลับมายังไม่ยุติ และจะเดินหน้าต่อไป การรวมตัวกันวันนี้ไม่ได้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคล แต่เป็นการรวมตัวกันตามภารกิจเพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เรียกกลุ่มภารกิจนี้ว่า ‘ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย’
โดยจะเปิดเวทีเพื่อพูดจาปราศรัยกับพี่น้องประชาชนในเวลาที่เหลืออยู่อย่างน้อย 4 เวทีใน 4 ภูมิภาค ซึ่งพวกเราเคารพในการตัดสินใจและวิจารณญาณของอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติที่จะเหมือนหรือแตกต่างกันออกไปตามแนวทางของแต่ละคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับพวกเราจะได้ดำเนินการต่อจากนี้ทันที โดยได้เริ่มลงมือติดต่อประสานงานเตรียมการเเล้ว
“เราหวังว่าประชาชนที่สนับสนุนพรรคไทยรักษาชาติจะสนับสนุนเรา และสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยให้สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
“เรามั่นใจว่าคะแนนของประชาชนทั้งประเทศจะสามารถเอาชนะฝ่ายเผด็จการได้ ผมเคยพูดว่าภารกิจนี้ ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะ บางคนบอกว่าเป็นปาฏิหาริย์ แต่เราเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นภายใต้อำนาจอธิปไตยของประชาชน” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่าการดำเนินการลักษณะนี้จะสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าการให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการ กกต. บอกว่าพวกเรายังมีสิทธิเสรีภาพและมีส่วนร่วมในทางการเมืองได้ เราเชื่อว่าสิ่งที่ได้แสดงออกในวันนี้จะไม่มีอะไรผิด เพราะเป็นไปตามคำสัมภาษณ์ของ กกต.
เมื่อถามถึงการโอนคะแนนจากพรรคไทยรักษาชาติไปให้ฝ่ายประชาธิปไตยมีแนวทางอย่างไร นายจาตุรนต์ตอบว่าการโอนคะแนนไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ต้องขึ้นอยู่กับประชาชน พวกเราที่นี่ก็ดี หรือใครก็ตามที่จะเชิญชวนให้ใครไปกาให้ใครไม่สามารถถ่ายโอนกันได้ เป็นเรื่องของประชาชน หวังว่าสิ่งที่เราดำเนินการต่อจากนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของประชาชนทั่วประเทศ
นายจาตุรนต์ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการเสนอชื่อนายกฯ ของพรรคว่าเป็นความผิดพลาดหรือไม่ โดยบอกเพียงว่าหลังเลือกตั้งจึงจะวิเคราะห์สรุปบทเรียนที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และจะไม่มีการพูดถึงประเด็นนี้ในการเดินสายทำกิจกรรม
“เมื่อตัดสินใจมาที่พรรคไทยรักษาชาติ เราได้ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ ไม่มีส่วนใดที่เรารู้สึกว่าได้ทำผิดพลาดหรือบกพร่องไป เราไม่เสียดายส่วนนี้ แต่แน่นอนว่าเราย่อมเสียดายที่พรรคถูกยุบ การสรุปบทเรียนทางการเมืองก็เพื่อต้องการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ก็ต้องไปว่ากันข้างหน้าต่อไป” นายจาตุรนต์กล่าว
หลังจากนี้ต้องจับตาว่าการดำเนินการในลักษณะนี้จะสามารถทำได้อย่างราบรื่นหรือไม่ นี่เป็นเพียงอดีตแกนนำบางส่วนที่ออกมาแสดงท่าทีถึงอนาคตทางการเมือง แต่เรายังไม่เห็นการขยับของกรรมการบริหารว่าจะเดินต่อกับอนาคตตัวเองบนถนนการเมืองอย่างไร
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
