ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรชัย ชินชัย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึง กกต. กรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยระบุว่า
วันนี้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอโอกาสในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ หลังจากมีกระแสข่าวว่า กกต. จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งทางพรรคเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะว่าไม่มีโอกาสชี้แจง ทั้งที่ตามกระบวนการกฎหมาย ผู้ถูกร้องต้องมีโอกาสชี้แจงและแสดงหลักฐานก่อน
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการนำพรรคไทยรักษาชาติไปประหาร อีกทั้งไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องเร่งรัดกระบวนการยุบพรรคไทยรักษาชาติ จึงอยากให้ กกต. เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติเข้าสู่สนามเลือกตั้ง อย่างน้อยก็ขอให้สมาชิกได้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญก่อน เพราะไม่ได้ใช้สิทธิมาหลายปีแล้ว และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าพรรคไทยรักษาชาติสมควรที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนหรือไม่
โดยทางพรรคเห็นว่าการใช้อำนาจของ กกต. ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 3 และการยุบพรรคเป็นการกระทบต่อสิทธิของพรรคและสมาชิกพรรคที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ตามมาตรา 4 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 93 ซึ่ง กกต. ยังไม่ได้ดำเนินการมีมติกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการไต่สวน สอบสวน พิจารณา ชี้ขาดกรณีการกระทำผิดของพรรคการเมือง มาตรา 92 ไว้ตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ของ กกต. จึงอาจเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต. ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เป็นการฟังความข้างเดียวโดยไม่ให้โอกาสพรรคผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแสดงพยานหลักฐาน ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมและกฎหมายที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 พรรคไทยรักษาชาติในฐานะผู้กล่าวหาจึงขอให้โอกาสให้พรรคได้รับทราบข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุปตามมาตรา 43 วรรคแรก ในกฎหมาย กกต.
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานในระยะเวลาตามที่เจ้าพนักงานกำหนด และมีสิทธิที่จะให้ทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าฟังการไต่สวนได้ตามมาตรา 43 วรรคสอง และเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้โต้แย้งคัดค้านและแสดงพยานหลักฐานภายในระยะเวลาอันสมควร
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์