พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยใช้พื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เป็นฐานที่มั่น ท่ามกลางกองเชียร์แน่นขนัด ขนทีม ส.ส. กทม. มาขึ้นเวทีแบบฟูลทีม
ไฮไลต์ของการปราศรัยครั้งนี้อยู่ที่การขึ้นเวทีของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ที่ขึ้นเวทีต่อจาก ชัยเกษม นิติสิริ และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ อีกสองคนของพรรค
โดยคุณหญิงสุดารัตน์เริ่มต้นปราศรัยโดยเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์วันที่ 22 มีนาคม 2535 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนเองได้รับเลือกให้เป็น ส.ส. ซึ่งตลอด 27 ปีที่ผ่านมายอมรับว่า เส้นทางทางการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะกติกาที่ไม่เป็นธรรม และการรัฐประหารที่เกิดขึ้นตลอด
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่เหนื่อยที่สุด หนักที่สุดในชีวิต เพราะมีการออกแบบกติกาที่เอารัดเอาเปรียบ และออกแบบเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเล็กลง แต่ตนเองก็ไม่เคยท้อ เพราะมีพี่น้องประชาชนคอยให้กำลังใจอยู่เบื้องหน้า
นอกจากนี้ยังเล่าถึงการเดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงการหาเสียง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าพี่น้องประชาชนจำนวนมากกำลังจมอยู่กับความทุกข์ยาก และต้องการให้พรรคเพื่อไทยกลับมาแก้ปัญหาอีกครั้ง บนเวทีคุณหญิงสุดารัตน์ยังให้คำมั่นกับประชาชนว่า กลับมาครั้งนี้ขอเวลาเพียงไม่นาน แค่ 6 เดือนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และไม่ได้ยืมนาฬิกาใครมา รับรองว่าเวลาจะเดินตรงตามที่สัญญาไว้อย่างแน่นอน
“เราไม่เคยชี้หน้าด่าพี่น้อง เราไม่เคยเห็นพี่น้องเป็นพลทหาร ไม่เคยเห็นพี่น้องเป็นลูกจ้าง แต่เป็นนายจ้างที่เราต้องทำให้มีความสุข และทำให้มีกระเป๋าตุง แต่ก็โดนขัดขวางทุกครั้ง กำลังจะมีความสุข อยู่ดีๆ รัฐประหารก็มาอีกแล้ว
“ทุกวันนี้มันเป็นความสงบที่เงียบสงัด ค้าขายไม่ได้ ทำให้คนทั้งประเทศมีความทุกข์ และจนลง พรรคเพื่อไทยทำให้พี่น้องมีความสงบได้ แต่ต้องอยู่บนอนาคตที่ดี และเศรษฐกิจที่ดีด้วย
“วันนี้ความสงบไม่ได้หยุดที่เขาคนนั้น แต่ความสงบจะเป็นจุดจบของเขาคนนั้น ถ้าบ้านเมืองสงบ เขาจะไม่มีที่ยืน
“22 มีนาคม 2535 เราเคยหยุดการสืบทอดอำนาจของ รสช. สำเร็จมาแล้ว วันนี้เราจะหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. สร้างประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานเรา ยุติการสืบทอดด้วยปลายปากกาของเรา” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวทิ้งท้ายบนเวทีปราศรัยครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
