พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวการสรุปยอดผู้สมัคร ส.ส. ประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. ว่าขณะนี้มีพรรคการเมืองที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งหมด 50 พรรค โดยมีผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตทั้งหมด 6,474 คน เทียบกับการเลือกตั้งปี 2554 ผู้สมัครเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ซึ่งในวันนี้มีพรรคการเมืองมาสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 4 พรรคคือ พรรคเพื่อไทย, พรรคไทยรักษาชาติ, พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งรอตรวจสอบเอกสาร โดยเมื่อรวม 2 วันแล้วจะมีพรรคที่เข้ามายื่นใบสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อทั้งหมด 6 พรรค
โดย พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ระบุว่าเอกสารใดๆ ที่เป็นสำเนาก็ต้องมีการเซ็นรับรองด้วย และตอนนี้พรรคที่ส่ง ส.ส. ลงสมัครได้ทั้งหมดมี 61 พรรค แบ่งเป็นพรรคเก่า 27 พรรค และพรรคใหม่ 34 พรรค ส่วนเงินค่าสมัครทั้งหมด กฎหมายกำหนดไว้ให้เข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง และมีการจ่ายให้พรรคการเมืองด้วยในการดำเนินกิจการต่างๆ ตามสัดส่วน ซึ่งเงินที่จ่ายแล้วไม่สามารถจ่ายคืนได้ ก็ขอให้แต่ละพรรคพิจารณาในส่วนนี้ด้วย เนื่องจากช่วงเวลากระชั้นชิด
พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ยังฝากเตือนผู้สมัคร ส.ส. เรื่องป้ายหาเสียง ขอให้ศึกษาข้อกฎหมายของ กกต. ด้วย โดยไม่ให้บดบังทัศนวิสัยและไม่กีดขวางทางเท้า ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และประชาชนก็ไม่สามารถเข้าไปย้ายป้ายหาเสียงด้วยตนเองได้ เนื่องจากอาจผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐที่จะมีการเสนอชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและนำขึ้นป้ายหาเสียงในวันดังกล่าวจะสามารถทำได้หรือไม่ เลขาธิการ กกต. ระบุว่าสามารถทำได้ตามกฎหมาย ส่วนรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ออกอากาศทุกเย็นวันศุกร์ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ มากล่าวถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนั้นมองว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ อาจจะไม่ใช่การหาเสียง ซึ่งเรื่องที่ปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการอยู่แล้ว เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งก็ต้องไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
เรื่อง/ภาพ: นพฤทธิ์ กมลสุวรรณ
